SO x NCB บทสัมภาษณ์พิเศษ คุณ สุรพล โอภาสเสถียร CEO บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

Outsourceไม่ใช่แค่จ้าง

คุณ สุรพล โอภาสเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษ
ถึง Outsource ที่ไม่ใช่แค่จ้าง… แต่เป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่

ทำไม Outsource ถึงเป็นคำตอบขององค์กรยุคใหม่

คุณ สุรพล โอภาสเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ กล่าวว่า “การมุ่งเน้นสิ่งที่ถนัดก่อนเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ” อย่างเช่นเราจะผลิตสินค้าชินหนึ่ง เราต้องมุ่งเน้นที่การผลิตสินค้านั้น เรื่องบัญชีอาจะต้อง Outsource เรื่อง Logistic อาจะต้อง Outsource เพราะที่เหลือเป็นสิ่งที่บริหารจัดการได้ ” ยกตัวอย่างเช่น ใน 8 ชั่วโมงเราต้องการให้เขาทำงานได้ดีที่สุด แต่ในชั่วโมงที่ 6 หรือ 7 ไม่ใช่งานที่เขาถนัด แต่มันอยู่ในกระบวนการของเรา เราก็ต้องไปหาคนที่ถนัด หรือ จ้างเหมา Outsource บนต้นทุนที่คงที่ มาทำงานส่วนนี้แทน ในขณะเดียวกัน ถ้าเราโลชคร้าย ธุรกิจเราแย่ลง Outsource คือส่วนที่เราสามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่า

Outsource = มุมมองใหม่ๆ

“คนที่จะให้บริการ Outsource ต้อง GO BEYOND EXPECTATIONS ของผู้ว่าจ้าง เช่นหากลูกค้ามาด้วยปัญหา ก. ผู้ให้บริการ Outsource จะต้องบอกได้ว่า มีปัญหา A ซ่อนอยู่ เพราะท้ายที่สุดปัญหาจริงๆอาจมาจากจุด A ที่เป็นปัญหาพื้นฐาน จึงทำให้เกิดปัญหา ก. อยู่แล้วก็ได้ ” คุณ สรุพล กล่าวเสริมอีกว่า “อย่าไปคิดแบกปัญหาไว้คนเดียว หาพันธมิตรเพื่อค้นหาคำตอบ จะง่ายกว่า”

Outsource แบบมือโปรกับการจ้างคู่แข่งทำให้

เพราะลูกค้าของเราต้องเป็นที่ตั้ง เราจะไม่แบกภารกิจในสิ่งที่เราทำไม่ได้ “ถ้าเราให้บริการเกรด B กับลูกค้าเรา แต่มีอีกคนที่ให้บริการเกรด A กับลูกค้าเราได้ ทำไมเราจะไม่เอาบริการที่ดีที่สุดมาให้กับลูกค้าของเรา”

  • External + Technology internal = Solution
  • External + Technology External = Solution
  • External + Technology Third Party = Solution

อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าเลือกอันนั้นคือคำตอบ ลูกค้าไม่ได้สนใจว่าตู้ ATM จะเป็นตู้ไหน ลูกค้าสนใจว่าใครเร็วกว่า ใครแม่นยำกว่า ใครถูกใจมากกว่า ถ้าทำตรงนั้นได้ นั่นหละคือคำตอบ

คุณภาพ = ต้นทุน เราต้องลงทุน เท่ากับที่คาดหวังผลลัพธ์

เราคาดหวังอะไร เราต้องใส่ input ให้เพียงพอกับความคาดหวังของเรา ยกตัวอย่าง ธุรกิจร้านอาหาร เราบอกว่าเราอยากจะได้ลูกค้าดีๆมา เราต้องใส่ใจตั้งแต่บริการ วัสดุอุปกรณ์ และบรรยากาศ จะขาดอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าเราบอกว่าเราอยากทำแบบพื้นๆ เราด็ไม่สามารถได้ผลลัพธ์ตรงนั่นได้ยังไง “ของดีราคาถูกอาจะมี แต่จะสร้างปัญหาให้คุณ เพราะว่าดีเฉพาะครั้งนั้น แต่ไม่ยั่งยืน”

WORKFORCE OUTSOURCING

จัดหาพนักงานมืออาชีพ

บริหารบุคลากร ติดต่อเรา ⬈

VEHICLE RENTAL AND MAINTENANCE

บริการเช่ารถยนต์หลากหลายประเภท

เช่ารถสำหรับองค์กร ติดต่อเรา ⬈

LANDSCAPE MANAGEMENT

ดูแลพื้นที่สวนสวยงามเกิน 1,000 ไร่

บริหารพื้นที่สีเขียว ติดต่อเรา ⬈

WASTE MANAGEMENT

บริการกำจัดขยะอุตสาหกรรม

จัดการขยะอันตราย ติดต่อเรา ⬈

DATA ENTRY AND DIGITIZATION

คัดแยก สแกน บันทึก ตรวจสอบข้อมูล

บริหารข้อมูล ติดต่อเรา ⬈

WORKFLOW PLATFORM

ระบบเวิร์กโฟลว์และกระบวนการอัตโนมัติ

บริหารข้อมูล ติดต่อเรา ⬈

SO พบนักวิเคราะห์ เผยปี 68 โตต่อเนื่อง

วันที่ 6 มีนาคม 2568

     นางสาวกัณธิมา แจ้งวันสุข (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายชินภัทร จาดเจริญ (แถวหลังที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ – เทคโนโลยี และนายณัฐนนท์ กฤษณรุ่งเรือง (แถวหลังที่ 3 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ – บัญชีและการเงิน / ผู้ควบคุมการทำบัญชี พร้อมทีมผู้บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ร่วมนำเสนอข้อมูลโอกาสและทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ ให้กับนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ในงาน “SO Analyst Meeting” ตอกย้ำผลการดำเนินงานโตอย่างโดดเด่น เผยแผนงานปี 2568 ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 10-13% ต่อปี โดยตั้งเป้ามียอด Backlog เพิ่มขึ้นจาก 1,556 ล้านบาท ในปี 2023 เป็น 2,226 ล้านบาท ภายในปี 2025 จากการที่บริษัทเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร พร้อมมีอัตราการรักษาลูกค้าเก่าอยู่ที่ 90%

ติดต่อ นักลงทุนสัมพันธ์

คุณอรชร บรรลือทรัพย์

@ LINE : So.IR โทร 084-324-3083

หมายเหตุ : ข้อมูลติดต่อสำหรับนักลงทุนสัมพันธ์เท่านั้น เรื่องอื่นไม่สามารถให้ข้อมูลได้

SO Outsourcing เปิดเกมรุกปี 68! ดันเป้าเติบโต 10% เดินหน้าเน้นกลุ่มลูกค้า High margin และ บริการครบวงจร

บริการครบวงจร

   บมจ.สยามราชธานี หรือ SO เปิดแผนงานปี 2568 ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 10-13% ต่อปี โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้า High marginในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ และพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด พร้อมมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านบริการครบวงจร พร้อมนำเสนอ 3 หลักสำคัญ ได้แก่ ความน่าเชื่อถือ (Reliable) ความแม่นยำ (Predictable) และความสามารถในการขยายธุรกิจ (Scalable)

  นางสาวกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายชินภัทร จาดเจริญ กรรมการผู้จัดการ – เทคโนโลยี และนายณัฐนนท์ กฤษณรุ่งเรือง รองกรรมการผู้จัดการ – บัญชีและการเงิน / ผู้ควบคุมการทำบัญชี บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ประกอบการธุรกิจหลัก 2 รูปแบบเพื่อ Transformation องค์กรของลูกค้า คือธุรกิจบริการเอาท์ซอร์ส (Outsource Service) และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยี (Technology Service) ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำปี 2567 เปิดเผยแผนงานปี 2568 ว่าบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 10-13% ต่อปี โดยตั้งเป้ามียอด Backlog เพิ่มขึ้นจาก 1,556 ล้านบาท ในปี 2023 เป็น 2,226 ล้านบาท ภายในปี 2025 จากการที่บริษัทเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร พร้อมมีอัตราการรักษาลูกค้าเก่าอยู่ที่ 90%

  นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการเป็น Solution Partner เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ช่วยลดภาระการดำเนินงานของลูกค้า และ Strategic Partner ที่ร่วมวางกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ และพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด บริษัทเน้นย้ำความสำคัญของ “คน” และ “เทคโนโลยี” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

  SO มุ่งเน้นเป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ โดยให้บริการที่มีมาตรฐานสูง ควบคุมผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ และขยายธุรกิจได้ทุกโอกาส ภายใต้หลักการ Reliable, Predictable และ Scalable ให้บริการหลัก ได้แก่ Valet Parking และ Reception สำหรับห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงแรม พร้อมระบบ Training มาตรฐานสูง กลยุทธ์ใหม่ช่วยสร้างดีลใหม่ โดยเฉพาะการให้บริการ Valet Parking กับศูนย์การค้าใหม่ กลุ่มลูกค้าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และมาตรฐานสูง มีบริการสนับสนุนครบวงจร เช่น ที่ปรึกษา การสรรหาบุคลากร การฝึกอบรม การดำเนินงาน และเทคโนโลยีติดตามผล โดยตั้งเป้า Market Size Premium มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท พร้อมอัตราการเติบโตมากกว่า 10%

   นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจให้บริการด้าน Digital Authority และ Workflow Solutions โดยใช้ OCR+AI และ E-Workflow สำหรับกลุ่มธนาคาร ประกัน และโรงพยาบาล รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มูลค่าตลาดประกันภัยคาดว่าจะเติบโตเกิน 2,000 ล้านบาทใน 3 ปี ด้วยเทคโนโลยี LLM+AI และมีโซลูชัน FLOW สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในกลุ่มปิโตรเคมี

  นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจให้บริการด้าน Digital Authority และ Workflow Solutions โดยใช้ OCR+AI และ E-Workflow สำหรับกลุ่มธนาคาร ประกัน และโรงพยาบาล รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มูลค่าตลาดประกันภัยคาดว่าจะเติบโตเกิน 2,000 ล้านบาทใน 3 ปี ด้วยเทคโนโลยี LLM+AI และมีโซลูชัน FLOW สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในกลุ่มปิโตรเคมี นอกจากนี้ธุรกิจยานยนต์ มีการบริหารจัดการรถเชิงพาณิชย์และเพิ่มจำนวนรถมากกว่า 700 คัน หรือเติบโตกว่า 13.26% และในส่วนของ Landscape Management ให้บริการดูแลภูมิทัศน์สำหรับโครงการขนาดใหญ่ โดยใช้ระบบควบคุมคุณภาพงานประกอบด้วย 9 ขั้นตอนหลัก ครอบคลุมตั้งแต่การฝึกอบรม ตรวจสอบ และประเมินผล ดำเนินงานโดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น Consultant, Arborist, Operations และ LAB ธุรกิจเน้นความน่าเชื่อถือ (Reliable) คาดการณ์ได้ (Predictable) และสามารถขยายตัวได้ (Scalable) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มพรีเมียมที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและภาพลักษณ์ ซึ่งตั้งเป้า Market Size Premium มากกว่า 660 ล้านบาท และคาดการณ์การเติบโตกว่า 10.97%

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,581.36 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 153.02 ล้านบาท นอกจากนี้มติคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 85% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ก่อน

ติดต่อ นักลงทุนสัมพันธ์

คุณอรชร บรรลือทรัพย์

@ LINE : So.IR โทร 084-324-3083

หมายเหตุ : ข้อมูลติดต่อสำหรับนักลงทุนสัมพันธ์เท่านั้น เรื่องอื่นไม่สามารถให้ข้อมูลได้

SO คว้ารางวัล THE MOST CORPORATE TRANSFORMATION พร้อมก้าวไปข้างหน้า สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ 

   คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ประกอบการธุรกิจหลัก 2 รูปแบบเพื่อ Transformation องค์กรของลูกค้า คือธุรกิจบริการเอาท์ซอร์ส (Outsource Service) และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยี (Technoiogy Service) รับรางวัล THE MOST CORPORATE TRANSFORMATION ในงาน Future Trends 2025 ภายใต้คอนเซปต์ Trends for Better Life

   คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข กล่าวว่า สำหรับรางวัลที่ได้รับไม่ใช่แค่เครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่คือพลังขับเคลื่อนให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น พร้อมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนอนาคตขององค์กรไทยให้แข็งแกร่ง  เพราะเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ไม่ได้เริ่มต้นจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจากแนวคิด กระบวนการ และผู้คน ในการช่วยให้องค์กร Transform อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยกลยุทธ์ 3 Empowers โดยเปลี่ยนจาก Workforce Service สู่การเป็น Strategic Partner ยกระดับทีมขายจาก Sales ให้เป็น Consultants ที่เข้าใจปัญหาธุรกิจและให้คำปรึกษาได้จริง และสุดท้ายเราพลิกโฉมกระบวนการทำงาน จาก Operation เป็น Process Engineer  ที่สามารถวัดผล และตรวจสอบได้

   รางวัลนี้คือบทพิสูจน์ว่า SO พร้อมพัฒนาไม่หยุดยั้ง  เราผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับบริการ เพื่อสร้างกระบวนการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยองค์กรบริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า และสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับธุรกิจของลูกค้า นี่คือสิ่งที่ SO เชื่อมั่น และจะเดินหน้าต่อไป เพราะเราเชื่อว่า “มนุษย์” คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนอนาคต เราไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่เข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่เราใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพมนุษย์ ให้สามารถต่อยอดความสามารถของตัวเองให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น

   สำหรับรางวัล Future Trends Awards 2025 เป็นงานประกาศรางวัลสุดยอดผู้นำเทรนด์แห่งปี มอบรางวัลให้แก่องค์กร และบุคคลที่เป็นสุดยอดผู้นำเทรนด์ในการขับเคลื่อนอนาคตและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยรางวัลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. Future Trends Corporates Awards: มอบให้แก่องค์กรชั้นนำ ที่สร้างพลังขับเคลื่อนให้กับวงการธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มีแนวคิดในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ 2. Future Trends Leader Awards: มอบให้กับบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ จากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี สังคม หรือธุรกิจ หรือแม้แต่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ผู้ที่ขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

SO Outsourcing ใจถึง ทำได้ จ่ายปันผล 85% ของกำไร 0.18 ต่อหุ้น 2 ครั้งต่อปี

บมจ.สยามราชธานี หรือ SO เผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.18 บาท/หุ้น XD 7 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่าย 21 พฤษภาคม 2568  จากผลประกอบการปี 2567  บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,581.36 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 153 ล้านบาท ด้านไตรมาส 4/2567 บริษัททำกำไรเพิ่มขึ้น 61.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนแผนงานปี 2568 คาดรายได้จากประกอบการธุรกิจโตมากกว่า 10% Backlog อยู่ที่ประมาณ 70% ของเป้ารายได้ วางเป้าเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 17% ขึ้นไป รวมถึงการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาด้านการให้บริการแก่ลูกค้า

คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ประกอบการธุรกิจหลัก 2 รูปแบบเพื่อ Transformation องค์กรของลูกค้า คือธุรกิจบริการเอาท์ซอร์ส (Outsource Service) และ ธุรกิจบริการดิจิทัล (Digital Service) เปิดเผยว่ามติคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 85% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ก่อน

โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นปีละ 2 ครั้ง โดยการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาล และครั้งที่สองสำหรับเงินปันผลประจำปี ทั้งนี้เงินปันผลที่จ่ายรวมทั้งสิ้นในแต่ละปีจะมีจำนวนประมาณร้อยละ 50% ของกำไรสุทธิ ภายหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2567 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 697.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 599.04 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 59.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36.51 ล้านบาท 

ด้านผลการดำเนินงานปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,581.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,382.47 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ค่าบริหารจัดการบุคลากร อยู่ที่ 2,142.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,016.83 ล้านบาท และรายได้ค่าเช่าและบริการ 414.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้อยู่ที่ 329.57 ล้านบาท ด้านกำไรขั้นต้นสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 411.68 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 410.99 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 16.10 % ลดลงจากปี 2566 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 17.51 %

โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากทุกส่วน โดยเฉพาะ SO Green และ SO Wheel ที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 23.4% และ 19.7% ตามลำดับ โดยในส่วนของ SO People มีจำนวนรายได้เพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ 85.89 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.67% และสำหรับ SO Next จะมีการเติบโตเพียงเล็กน้อยที่จำนวน 4.44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.49%

ทั้งนี้จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในปี 2567 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่จึงมีผลกระทบให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยประมาณ 1.5% และในส่วนของกำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 153.02 ล้านบาท ซึ่งลดลง 30.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 183.53 ล้านบาท จาก 3 ปัจจัยหลักซึ่งเป็นรายการที่เกิดเพียงครั้งเดียวคือ 1. ปี 2566 มีการบวกกลับค่าเผื่อค่าปรับจำนวน 18 ล้านบาท 2. จำนวนรถหมดสัญญาและขายในปี 2567 น้อยกว่าปีก่อน และ 3. ค่าธรรมเนียมจากการปิดสัญญา Leasing ก่อนกำหนด

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 จะยังมีการรักษาระดับการเติบโตของรายได้มากกว่า 10% และมีเป้าหมายต้องการที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นอย่างน้อย 17% ซึ่งภาพรวมปี 2567 ในส่วนของรายได้นั้นที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปิดสัญญาใหม่ 186 สัญญา มูลค่ารวม 1,002 ล้านบาท และพยายามรักษาฐานลูกค้าให้ได้มากกว่า 90% ส่วนงาน Backlog อยู่ที่ประมาณ 70% ของเป้ารายได้ปี 2568 อีกทั้งจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กร และการส่งบุคลากรไปยังองค์กรต่าง ๆ จะมีการเพิ่มทักษะบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ การทำงานหลัก ๆ จะเป็นการเสริมในเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น จะมีการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาด้านการให้บริการแก่ลูกค้า

บริษัทมีอัตราการต่อสัญญาจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่สูงกว่า 90% อย่างต่อเนื่องทุกปี สะท้อนถึงคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ และด้วยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ช่วยลูกค้าลดภาระในด้านต่าง ๆ เราจึงเป็นมากกว่าผู้ให้บริการ โดยเปรียบเสมือนเป็น Solution Partner และ Strategic Partner ที่ช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวยิ่งขึ้น

ติดต่อ นักลงทุนสัมพันธ์

คุณอรชร บรรลือทรัพย์

@ LINE : So.IR โทร 084-324-3083

หมายเหตุ : ข้อมูลติดต่อสำหรับนักลงทุนสัมพันธ์เท่านั้น เรื่องอื่นไม่สามารถให้ข้อมูลได้

SO คว้าตำแหน่งรายชื่อ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 2567 สะท้อนความมุ่งมั่น ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

หุ้นยั่งยืน2024 SET ESG Ratings

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน รายชื่อ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีรายชื่อหุ้นยั่งยืนทั้งสิ้น 228 บริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ 

คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การได้รับการยอมรับในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความตั้งใจของ SO ในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับหลักการดำเนินงานตามแนวทาง ESG ครอบคลุมทั้ง สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และธรรมาภิบาล (Governance) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 

SO มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล เรามุ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ ในการเลือก SO เป็นคู่ค้าที่ยั่งยืน” คุณกัณธิมากล่าว 

การได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของ SO ในการเป็นผู้นำด้าน Outsourcing Solutions ที่ดำเนินธุรกิจตามมาตรฐาน ESG ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืน 

SO จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยยกระดับมาตรฐานการทำงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคม เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย 

หมายเหตุ: ข่าวประชาสัมพันธ์นี้จัดทำขึ้นเพื่อการให้ข้อมูลเท่านั้น มิได้มีเจตนาชักชวนหรือเชิญชวนให้ลงทุน ผู้สนใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน 

ดูรายชื่อหุ้นยั่งยืนเพิ่มเติมได้ที่: setsustainability.com

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

7กลยุทธ์ การพัฒนาองค์กร สูตรสำเร็จ สำหรับองค์กรยุคใหม่

องค์กรของคุณกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอะไรอยู่? การแข่งขันที่รุนแรง เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือปัญหาภายในองค์กรเอง? หากคำตอบคือใช่ การพัฒนาองค์กร (Organizational Development) อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ไขปริศนาเหล่านี้ได้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีการที่องค์กรใช้ในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมเจาะลึกถึงบทบาทสำคัญของ SO ที่จะมาช่วยยกระดับองค์กรของคุณให้ก้าวไปข้างหน้า 

การพัฒนาองค์กร คืออะไร? 

การพัฒนาองค์กร (Organizational Development) คือกระบวนการที่มุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง เป้าหมายของการพัฒนาองค์กรคือการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร การพัฒนาองค์กรที่มีประสิทธิภาพต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) ค่านิยมหลัก (Core Value) และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (Strategic Goal) ขององค์กร 

องค์ประกอบสำคัญใน การพัฒนาองค์กร 

  • การพัฒนาบุคลากร (People Development) 
    บุคลากรเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาองค์กร การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน พัฒนาจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง จะช่วยให้พนักงานมีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงาน รวมถึงสามารถปรับตัวเข้ากับความท้าทายใหม่ๆ ได้ดีขึ้น การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรยังเป็นการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรอีกด้วย 
  • การพัฒนากระบวนการทำงาน (Process Development)
    การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อน และทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความผิดพลาดและลดเวลาที่ใช้ในการทำงาน ทำให้การทำงานมีความคล่องตัวและประสิทธิภาพสูงขึ้น 
  • การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร (Culture Development) 
    การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการเรียนรู้ การปรับตัว และการทำงานร่วมกัน ช่วยให้พนักงานรู้สึกมีความสุขในการทำงานและสามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มความจงรักภักดีและแรงจูงใจของพนักงาน ทำให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

กลยุทธ์ที่ช่วยใน การพัฒนาองค์กร 

1. การวิเคราะห์องค์กร และวางแผนพัฒนา (Organizational Analysis and Development Planning) 

การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาที่ชัดเจน การวางแผนพัฒนาที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

2. การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ (Learning Culture Development)

การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในองค์กรเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ วัฒนธรรมการเรียนรู้สามารถสร้างได้ผ่านกิจกรรม เช่น การจัดอบรม การแลกเปลี่ยนความรู้ในทีม และการให้โอกาสพนักงานได้ทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว 

3. การมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Participation)

การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จมักเกิดจากการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน การเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์กร

ตัวอย่าง ผู้บริหารให้พนักงานทุกระดับมีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในองค์กร  

4. การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาองค์กร (Technology Integration)

การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดเวลาการทำงานที่ซ้ำซ้อน การใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสื่อสาร การจัดการโครงการ และการติดตามผลการทำงาน ช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็วและมีระบบมากขึ้น 

ตัวอย่าง องค์กรการค้าปลีกระหว่างประเทศที่มีกลุ่มเครือข่ายครอบคลุมกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีปัญหาในการดาวน์โหลดไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น การดาวน์โหลดแต่ละครั้ง ใช้เวลานานมากเกินไป และเป็นงานที่ต้องทำซ้ำๆ จึงได้นำระบบ RPA หรือ Robotic Process Automation เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการทำงานแบบอัตโนมัติทั้งกระบวนการแบบ 100% ลดการทำงานของพนักงานกว่า 80% ลดความผิดพลาดในกระบวนการ 100% แถมยังช่วยให้กระบวนการทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม 10เท่า ศึกษาเพิ่มเติม คลิก 

5. การปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม (Restructuring for Flexibility)

การปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงและมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้องค์กรตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอกได้อย่างรวดเร็ว การมีโครงสร้างที่เรียบง่ายช่วยลดความซับซ้อนในการทำงาน และทำให้ทีมงานสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น

ตัวอย่าง องค์กรปรับโครงสร้างจากหลายชั้นการบังคับบัญชาเป็นทีมเล็กๆ ที่ยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและลดความซับซ้อนในการทำงาน 

6. การพัฒนาผู้นำ (Leadership Development)

ผู้นำที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การพัฒนาผู้นำผ่านการฝึกอบรมและโค้ชชิ่ง เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้องตามวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร ช่วยให้ผู้นำสามารถสร้างแรงบันดาลใจและนำพาทีมงานไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

7. การประเมินผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Evaluation and Improvement)

การพัฒนาองค์กรต้องมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ที่ใช้ สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นได้ผล ประสบความสำเร็จหรือไม่ ตลอดจนศักยภาพของบุคลากรที่ทำนั้นเป็นอย่างไร การนำข้อมูลจากการประเมินมาปรับปรุงกระบวนการทำงานจะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างบรรทัดฐานในการวัดมาตรฐาน และช่วยพัฒนาให้องค์กรก้าวหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง 

กลยุทธ์ภายนอกที่ช่วยใน การพัฒนาองค์กร 

  • การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร (Strategic Partnerships)
    การพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรหรือองค์กรอื่นๆ สามารถช่วยเพิ่มทรัพยากร ความรู้ และโอกาสในการเติบโต การเลือกพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกันช่วยสนับสนุนการพัฒนาองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 
  • การใช้ทรัพยากรภายนอก (Outsourcing)
    การนำทรัพยากรหรือบริการจากภายนอกเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นการจัดสรรทรัพยากร เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคลากรในตำแหน่งต่างๆที่เหมาะสม  
  • การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ (Adopting New Technologies)
    การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาจากแหล่งภายนอกมาใช้ในองค์กรช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น ระบบอัตโนมัติหรือแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล 
  • การสำรวจตลาดและการวิจัยภายนอก (Market Research and External Analysis)
    การเข้าใจแนวโน้มและความต้องการในตลาดช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ การใช้ข้อมูลจากแหล่งวิจัยภายนอกช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนกลยุทธ์ 
  • การพัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility – CSR)
    การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคมช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือขององค์กร การทำกิจกรรม CSR ร่วมกับองค์กรพันธมิตรหรือชุมชนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 
  • การเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ (Accessing Expert Networks)
    การทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกช่วยให้องค์กรได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และมุมมองใหม่ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนองค์กร 

บทบาทของ SO (Siamrajathanee Outsourcing) ใน การพัฒนาองค์กร 

SO (Siamrajathanee Outsourcing) มีบทบาทสำคัญในการช่วยองค์กรพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการให้บริการ Outsourcing ในด้านต่างๆ ที่สนับสนุนการพัฒนาองค์กร มาเสริมการทำงาน โดย SO เข้ามามีส่วนในการร่วมคิด กำหนดกลยุทธ์องค์กร และนโยบายต่างๆ หรือเรียกได้ว่าเป็น Strategic Partnerให้กับลูกค้า อาทิเช่น  

การจัดหาบุคลากร (Workforce Outsourcing)

SO ช่วยองค์กรในการจัดหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น IT, บริการลูกค้า, และงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้าน การมีบุคลากรที่มีคุณภาพและพร้อมทำงานช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่งานหลักและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว 

ตัวอย่าง บริษัทใช้บริการ Workforce Outsourcing จาก SO เพื่อจัดหาช่างสำหรับ Project ที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติม ทำให้บริษัทสามารถเริ่มโครงการได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการสรรหาและฝึกอบรมเอง หากคุณสนใจ สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ : SOPEOPLE 

การจัดการกระบวนการธุรกิจ (BPO – Business Process Outsourcing)

SO ช่วยองค์กรในการจัดการกระบวนการธุรกิจที่ซับซ้อน เช่น การบริหารจัดการบัญชี การดูแลลูกค้า และการจัดการข้อมูล ซึ่งช่วยลดภาระการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน 

ตัวอย่าง บริษัทหนึ่งใช้บริการ BPO จาก SO เพื่อจัดการงานบัญชีและการเงิน ทำให้ทีมงานภายในสามารถมุ่งเน้นไปที่การวางแผนกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ คลิก! เพื่อศึกษาเรื่อง BPO เพิ่มเติม

การจัดการกระบวนการปฏิบัติการ (Operation Process Management)

SO มีบทบาทในการเข้าไปมีส่วนร่วม รับฟังปัญหา และหา Solution เพื่อนำมาแก้ไขและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ 

ตัวอย่าง บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเคลมประกัน ที่ต้องรวดเร็วเพื่อเป็นจจุดแข่งขันที่ทำให้เหนือคู่แข่ง SO รับโจทย์นี้และเข้ามาวิเคราะห์กระบวนการทำงาน ปรับปรุงระบบการจัดการเอกสารโดยนำทรัพยากรที่ทางบริษัทมี ร่วมกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ และลดข้อผิดพลาดจากการทำงานแบบแมนนวล ส่งผลให้กระบวนการเคลมรวดเร็วขึ้น และองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในได้อย่างชัดเจน 

การใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพ (Tech-Enabled Outsourcing)

SO นำเทคโนโลยีมาช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงานขององค์กร เช่น  การใช้ระบบอัตโนมัติ (RPA) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น 

ตัวอย่าง บริษัทใช้บริการ RPA จาก SO เพื่อลดงานที่ต้องทำซ้ำๆ ในกระบวนการทำบัญชี ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์เชิงลึกได้มากขึ้น  

ผลลัพธ์ของการพัฒนาองค์กรที่มีประสิทธิภาพ 

การเติบโตอย่างยั่งยืน องค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า 

เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน การให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและพึงพอใจในการทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มความจงรักภักดีและประสิทธิภาพในการทำงาน 

ความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง องค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะมีความพร้อมในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สรุปสาระสำคัญของบทความ

การพัฒนาองค์กร คือกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการเติบโต การพัฒนาองค์กร ที่ดีจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จและความยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

หากองค์กรของคุณต้องการเติบโตอย่างมั่นคง การพัฒนาองค์กรคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถแข่งขันและยืนหยัดต่อการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยการร่วมมือกับ SO ในการจัดหา Outsourcing และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ องค์กรของคุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระงาน และเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

SO “สร้างโอกาสเพื่อสังคมที่เท่าเทียม”

siamrajathanee-so-csr
SO มีความยินดี ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ
  • การสร้างอาชีพ
  • สร้างทักษะ
  • สร้างประสบการณ์
ให้กับสังคมไทย
 
โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังทางสังคม เชื้อชาติ หรือเพศสภาพ
เพื่อให้ทุกคนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยุติธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เป็น “การสร้างโอกาสเพื่อสังคมที่เท่าเทียม” หนึ่งในหมุดหมายของ SO

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ร่วมบริจาคเงินสมทบทุน ให้กับ ศิริราชมูลนิธิ (Siriraj Foundation) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

คณะกรรมการบริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO
ร่วมบริจาคเงินสมทบทุน ให้กับ ศิริราชมูลนิธิ (Siriraj Foundation) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเงินจำนวน 1,500,000 บาท เมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
SO_Outsourcing_2
SO_Outsourcing_3
SO_Outsourcing_4
siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

ใช้ E-Document ก้าวแรกสู่การ Digital Transformation องค์กร

Digital Transformation องค์กร_E Document
Digital Transformation องค์กร คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงานขององค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ แม้ว่าแนวคิดนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนของธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่เพียงแค่การใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับปรุงวิธีคิด วิธีทำงาน และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
แม้ว่านวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Tech), Blockchain และ Internet of Things (IoT) จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง การจะเริ่มต้นปรับเปลี่ยนองค์กรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังไม่สาย องค์กรสามารถเริ่มต้นจากการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง เพื่อวางแผนการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเหมาะสม การลงทุนในด้านนี้จะไม่เพียงช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว แต่ยังเปิดโอกาสให้สามารถสร้างนวัตกรรมและเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ Digital Transformation จึงเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรต้องใส่ใจและนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
 

Digital Transformation องค์กร เริ่มจากอะไรดี?

สำหรับองค์กรที่ต้องการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) หนึ่งในขั้นตอนแรกที่สามารถทำได้ง่ายและเห็นผลชัดเจนคือการเริ่มจากการเปลี่ยนเอกสารกระดาษเป็นเอกสารดิจิทัล (E-Document) การนำเอกสารเข้าสู่ระบบดิจิทัลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้กระดาษและพื้นที่จัดเก็บ แต่ยังเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาเอกสารอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดการเอกสารแบบดิจิทัลยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล และลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือการเสื่อมสภาพของเอกสาร การเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเอกสารเป็นดิจิทัลจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการนำพาองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เช่น การจัดการงาน การติดตามการทำงาน และการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

E-Document คืออะไร? ทำไมจึงเหมาะกับการ Transformation องค์กร

E-Document หรือ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ คือ การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงและจัดการผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์นี้สามารถรวมถึงไฟล์ที่เป็นรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ เสียง และข้อมูลอื่น ๆ ที่ถูกแปลงเป็นรูปแบบดิจิทัล ซึ่งสามารถเก็บรักษาและจัดการได้ง่ายกว่าการใช้เอกสารกระดาษแบบเดิม การนำ E-Document มาใช้จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับการ Transformation องค์กรสู่ยุคดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานในองค์กร.

ประโยชน์ของการใช้ E-Document

  1. การประหยัดต้นทุน
    การใช้ E-Document ช่วยลดการใช้กระดาษในองค์กร ซึ่งเป็นการประหยัดต้นทุนในด้านการซื้อกระดาษ หมึกพิมพ์ และค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสาร นอกจากนี้ยังลดความจำเป็นในการใช้พื้นที่สำหรับจัดเก็บเอกสารในสำนักงาน ทำให้สามารถใช้พื้นที่นั้นสำหรับวัตถุประสงค์อื่น ๆ ได้
  2. ความปลอดภัยของข้อมูล
    ระบบ E-Document สามารถเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลได้มากกว่าการเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษ โดยสามารถตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และสามารถติดตามการเข้าถึงและการแก้ไขข้อมูลได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลยังช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือความเสียหายของเอกสาร เช่น การเกิดไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการสูญหายจากความผิดพลาดของมนุษย์
  3. การค้นหาและเรียกใช้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว
    การจัดเก็บเอกสารในรูปแบบดิจิทัลช่วยให้การค้นหาและเรียกใช้ข้อมูลสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ผ่านการใช้คำค้นหา (keyword) หรือการจัดหมวดหมู่ของเอกสาร ทำให้ลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาเอกสารแบบกระดาษที่อาจใช้เวลานาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน
  4. การทำงานร่วมกัน
    E-Document ช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่พนักงานอยู่ในสถานที่ที่ต่างกัน ระบบสามารถทำให้เอกสารสามารถเข้าถึงและแก้ไขได้แบบเรียลไทม์จากหลายคนพร้อมกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมและลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานแบบแยกส่วน
  5. การปรับตัวต่อการทำงานทางไกล
    การใช้ E-Document เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการทำงานทางไกล (Remote work) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคปัจจุบัน พนักงานสามารถเข้าถึงเอกสารที่จำเป็นในการทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานขององค์กรสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ที่พนักงานไม่สามารถมาทำงานที่สำนักงานได้

การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง

การนำ E-Document มาใช้ในองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดเก็บข้อมูล แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานขององค์กรด้วย ดังนั้น การเตรียมความพร้อมก่อนการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

  1. การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
    ก่อนการนำ E-Document มาใช้ องค์กรควรทำการศึกษาว่าเทคโนโลยีใดเหมาะสมกับความต้องการและโครงสร้างขององค์กร เช่น ระบบการจัดการเอกสาร (Document Management System : DMS) ที่มีความสามารถในการจัดเก็บ ค้นหา และบริหารจัดการเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถรองรับการทำงานร่วมกันของทีมได้
  2. การฝึกอบรมพนักงาน
    การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานต้องการการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจและสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกอบรมนี้ควรรวมถึงการสอนวิธีการใช้งานระบบ E-Document การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และการปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานใหม่
  3. การจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management)
    การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลต้องการการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลง การสื่อสารอย่างชัดเจนเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้ E-Document และการสนับสนุนจากผู้บริหารจะช่วยลดความกังวลและความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน

กรณีศึกษา : องค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ E-Document

หลายองค์กรที่นำระบบ E-Document มาใช้ได้แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ให้บริการทางการเงินแห่งหนึ่งได้นำระบบ E-Document มาใช้ในการจัดเก็บและจัดการเอกสารทางการเงินของลูกค้า ทำให้สามารถลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาเอกสารได้ถึง 50% และลดความผิดพลาดในการจัดเก็บเอกสารได้อย่างมาก

อีกตัวอย่างหนึ่งคือองค์กรด้านการผลิตที่ใช้ E-Document ในการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพ ทำให้สามารถตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีขึ้นและลดของเสียจากกระบวนการผลิต

การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

การนำ E-Document มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว โดยการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น กระดาษ และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตและขนส่งเอกสาร นอกจากนี้ การใช้ E-Document ยังสอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business) ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของหลายองค์กรในปัจจุบัน

สรุป

การใช้ E-Document ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยการประหยัดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน องค์กรสามารถเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมั่นใจ การนำ E-Document มาใช้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัลได้ แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนและความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บริการบริหารข้อมูล ภายในองค์กร และจัดหาพนักงาน IT Outsource

So Next มุ่งเน้นให้บริการด้าน Lean Transformation และ Digitalization ในองค์กร ผ่านการให้คำปรึกษา ออกแบบกระบวนการ ค้นหาเครื่องมือที่เหมาะสม และบริหารโครงการ โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถโฟกัสที่ธุรกิจหลัก ปรับขนาดธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น ลดความเสี่ยง และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในองค์กร

สนใจบริการ
siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"