บริหารจัดการ “พนักงาน” ให้ลงตัวปิด ปัญหาธุรกิจ “คนล้น-คนขาด”

ปัญหาธุรกิจ มีให้พบเห็นกันอยู่เสมอไป แต่ธุรกิจหลายแห่งกำลังเผชิญปัญหาการวางแผนกำลังคนในแต่ละเดือนที่มีความต้องการใช้จำนวนไม่เท่ากัน บางเดือนคนขาดจนทำให้งานล้นมือ บางเดือนก็เหลือพนักงานเยอะจนคนล้นงาน ปัญหานี้ส่งผลต่อต้นทุน ประสิทธิภาพ และ การวางแผน ดังนั้นการจัดสรรทรัพยากรมนุษย์อย่างเหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว

ปัญหาธุรกิจ ที่เกิดขึ้นจากการที่คุณต้องใช้จำนวนพนักงานไม่เท่ากัน
ในแต่ละช่วง

  • ความผันผวนของปริมาณงาน: ธุรกิจบางประเภทมีปริมาณงานที่ผันผวนตามฤดูกาล เทรนด์ หรือแคมเปญ ส่งผลต่อความต้องการพนักงานที่ไม่เท่ากัน
  • การคาดการณ์ความต้องการพนักงาน: การคาดการณ์ความต้องการพนักงานที่แม่นยำทำได้ยาก ส่งผลต่อการจ้างพนักงานที่ไม่เพียงพอหรือมากเกินไป
  • ต้นทุน: การจ้างพนักงานประจำนวนมากเกินไปในช่วงที่มีงานล้นมือ ส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
  • ประสิทธิภาพ: การจ้างพนักงานไม่เพียงพอในช่วงที่มีงานล้นมือ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และอาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
  • สภาพการจ้างตามกฏหมายแรงงาน: ในการปรับสภาพการจ้างงานที่ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นประจำ

ตัวอย่าง ปัญหาธุรกิจ การผลิตรถยนต์

สถานการณ์ความผันผวนตามฤดูกาล

  • ช่วงฤดูท่องเที่ยว: ยอดขายรถยนต์พุ่งสูง ต้องการพนักงานจำนวนมากเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
  • ช่วงโลว์ซีซั่น: ยอดขายรถยนต์ต่ำ ต้องการพนักงานจำนวนน้อย

สถานการณ์การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่

  • ช่วงก่อนเปิดตัว: ต้องการพนักงานจำนวนมากเพื่อเตรียมการผลิต
  • หลังเปิดตัว: ยอดขายอาจผันผวน ต้องการพนักงานน้อยลง

ตัวอย่าง ปัญหาธุรกิจ บริการ เช่น ห้างสรรพสินค้า

สถานการณ์ความผันผวนตามฤดูกาล

  • ช่วงวันหยุด เทศกาล: ต้องการพนักงานในตำแหน่งต่างเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจำเป็น พนักงานประชาสัมพันธ์ , พนักงานต้อนรับ , พนักงานขาย , พนักงานแคชเชียร์ , พนักงานบริการลูกค้า , พนักงานรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ
  • ช่วงวันธรรมดา: ลูกค้าเข้าใช้บริการลดน้อยลง จึงต้องการพนักงานในตำแหน่งต่างๆลดน้อยลง

สถานการณ์เมื่อมีกิจกรรมทางการตลาด

  • ช่วงที่มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย: ต้องการพนักงานในตำแหน่งต่างๆเพิ่มขึ้น และจะเป็นต้องมีพนักงานในส่วนของการตลาด เพื่อจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้บรรลุเป้าหมาย
  • หลังจบกิจกรรม: ความต้องการในการใช้พนักงานในส่วนการตลาดลดน้อยลง บางส่วนอาจไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานในส่วนนี้

เมื่อเกิดสถานการณ์เหล่านี้ ธุรกิจคุณจะจัดการอย่างไร ?

จ้างพนักงานมารอไว้ ?

หาพนักงานแบบกระทันหันเมื่อจำเป็นต้องใช้ ?

     ลองมาดูข้อเปรียบเทียบ :

ด้านต้นทุน

  • การจ้างพนักงานมารอไว้ก่อน: อาจมีต้นทุนการจ้างงานที่สูงกว่า เนื่องจากต้องจ่ายเงินเดือน สวัสดิการ และผลประโยชน์อื่นๆ แม้ในช่วงที่ไม่มีงานทำก็ตาม
  • การหาพนักงานกระทันหัน: ช่วยลดต้นทุนเนื่องจากจ้างพนักงานเฉพาะเมื่อมีความต้องการ แต่อาจมีต้นทุนเพิ่มเติมจากการต้องหาพนักงานในระยะเวลาสั้นๆ หรือต้องจ่ายค่าแรงสูงกว่าปกติเพื่อดึงดูดให้พนักงานมาทำงาน

ด้านประสิทธิภาพ

  • การจ้างพนักงานมารอไว้ก่อน: สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ เนื่องจากพนักงานมีเวลาปรับตัวและเรียนรู้งาน ทำให้พร้อมที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่เมื่อมีความต้องการ
  • การหาพนักงานกระทันหัน: อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมและปรับตัว ซึ่งอาจทำให้การทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพในช่วงแรก

ด้านการบริการลูกค้า

  • การจ้างพนักงานมารอไว้ก่อน: ช่วยให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ เนื่องจากพนักงานมีความคุ้นเคยกับงานและสามารถตอบสนองความต้องการได้ทันท่วงที
  • การหาพนักงานกระทันหัน: อาจส่งผลกระทบต่อการบริการลูกค้า เนื่องจากการขาดความต่อเนื่องและการต้องปรับตัวของพนักงานใหม่

ด้านการบริหารจัดการพนักงาน

  • การจ้างพนักงานมารอไว้ก่อน: ช่วยให้การบริหารจัดการพนักงานเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากสามารถวางแผนและปรับใช้ทรัพยากรได้ตามความต้องการ แต่ก็ต้องแลกกับการบริหารจัดการพนักงานในจำนวนที่มากกว่าเดิม
  • การหาพนักงานกระทันหัน: อาจทำให้การบริหารจัดการพนักงานซับซ้อนขึ้น เนื่องจากต้องตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการจัดสรรทรัพยากรอาจไม่เพียงพอ

ด้านการสรรหาพนักงาน

  • การจ้างพนักงานมารอไว้ก่อน: ช่วยลดความเร่งด่วนและความกดดันในการสรรหาพนักงาน เนื่องจากสามารถวางแผนการสรรหาได้ล่วงหน้า แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการสรรหาพนักงานที่มากขึ้น จากจำนวนพนักงานที่ต้องการมาก ซึ่งอาจทำให้เสียเวลาไปกับกระบวนการนี้
  • การหาพนักงานกระทันหัน: อาจเพิ่มความท้าทายในการสรรหาพนักงาน เนื่องจากต้องหาพนักงานที่มีคุณภาพในระยะเวลาสั้นๆ และอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันสูงในตลาดแรงงาน และด้วยความเร่งรีบนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยงในการสรรหา ในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องเวลาในการสรรหากับเวลาที่ต้องการใช้ ทั้งจำนวน และคุณสมบัติพนักงาน ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถส่งผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจคุณได้

ให้ SO People ช่วยแก้ปัญหาให้ธุรกิจคุณ :

  • หมดกังวลเรื่องการ เพิ่ม-ลด จำนวนพนักงาน สามารถปรับจำนวนพนักงานได้ตามที่คุณต้องการ
  • หากไม่สามารถประมาณการได้ว่าต้องใช้จำนวนพนักงานเท่าไหร่ เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาในการช่วยวางแผนให้คุณได้
  • หากต้องการพนักงานด่วน เร่งรีบในการหาพนักงาน เราสามารถสรรหาให้คุณได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการเข้าถึงฐานข้อมูลพนักงานกว่า 200,000 คน พร้อมกับการใช้ Technology เข้ามาช่วยให้ประสิทธิภาพการสรรหาดียิ่งขึ้น
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องประสิทธิภาพพนักงาน เราใส่ใจทุกการสรรหา พนักงานของเราทุกคนผ่านการอบรมและทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญ​ พร้อมส่งมอบให้คุณ

ที่ปรึกษาด้านการบริหารบุคคลากร ให้บริการจัดหาด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Recruit Management พร้อมทีม Training อบรมทักษะพนักงานก่อนการเริ่มงาน เสริมด้วยเทคโนโลยี Payroll Management System เพื่อการบริหารจัดการที่ถูกต้อง แม่นยำ เพิ่มศักยภาพให้กับกระบวนการมากยิ่งขึ้น

ต้องการคำปรึกษา

SO ปลดล็อค หนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินใช้ Outsourcing Solution พลิกผลการดำเนินงานโตเกินคาด 300% ด้วยกำลังคนเท่าเดิม

SO ช่วยปลดล็อค หนึ่งในบริษัทด้านการเงินของไทย สร้างผลการดำเนินงานเติบโตทะลัก 300% จากการที่เข้าไปช่วยปรับกระบวนการทำงาน เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์องค์กร แก้ปัญหางานล้นมือ ปัญหาด้านแรงงาน ไม่สามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมากได้ ตามไม่ทันเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สที่มีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ใช้โมเดล Tech-enabled outsourcing solution  เข้ามาพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพแบบครบวงจรหนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทย ได้รวมเป็นพันธมิตรกับหนึ่งในบริษัทด้านการเงินชั้นนำระดับประเทศของไทย ซึ่ง ประสบปัญหาในเรื่องของการจัดการข้อมูลด้านเอกสารจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถจัดการตามระยะที่กำหนดได้ จึงได้มอบหมายให้ SO เป็นผู้ดูแลจัดการกับงานด้านข้อมูลขนาดใหญ่ที่สำคัญขององค์กร

โดย SO ได้ให้คำปรึกษา พร้อมช่วยออกแบบกระบวนการทำงาน ไปจนถึงการจัดหาอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเสริมรองรับการจัดการกับข้อมูลทั้งหมดที่มี โดยจากการจัดส่งบุคลากรแบบ Head Count ในระยะแรก จนไปสู่การ Re-design กระบวนการทำงานใหม่ เพื่อบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจ หรือที่เรียกว่า Business Process Outsourcing (BPO) ส่งผลให้ธุรกิจลูกค้า สร้างผลการดำเนินงานโตสูงถึง 300% เพราะใช้บุคลากรหลักขององค์กรเท่าเดิม และใช้ SO เป็นกลยุทธ์หลักเพื่อจัดการกับงานส่วนดังกล่าวแทน คุณณัฐพล วิมลเฉลา (คุณกอล์ฟ ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรกับหนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำของไทยในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของทาง SO ในการ Re-Purpose องค์กร เข้าไปเป็นส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และเป็นกลยุทธ์องค์กรของลูกค้า ด้วยการปรับกระบวนการทำงาน เป็นการให้บริการรูปแบบ Business Process Outsourcing (BPO) ช่วยปลดล็อคศักยภาพการทำงานของลูกค้า ให้ลูกค้าได้ Focus Core Business หลักได้อย่างเต็มที่ เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆสำหรับการบริหารงาน สามารถยืดหยุ่น หรือ Scale Up Scale Down ด้านกำลังคนได้อิสระ ถ่ายโอนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้กับ Outsource เป็นคนจัดการ ตามคอนเซปท์ Unlock Possibilities SO Here We Are ที่ทางทีมงานเราเน้นหนักในปีนี้”

การเป็น Outsourcing Solution ในครั้งนี้ของ SO เป็นรูปแบบที่ให้บริการอย่างครอบคลุมทุกส่วนของกระบวนการ เริ่มจากการให้บริการจัดส่งบุคลากรในระยะแรก พัฒนาเป็นการวิเคราะห์ออกแบบเป็นขั้นตอนการทำงานทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การขนส่งข้อมูล การตรวจสอบคัดแยกข้อมูลเอกสาร และการคีย์ข้อมูลเข้าระบบ การจัดหา Workforce ที่เหมาะสมกับงาน, การอบรมเสริมทักษะ เสริมด้วยเทคโนโลยีติดตามการทำงานแบบ Real Time เพิ่มความถูกต้องแม่นยำ และป้องกันการสูญหายของข้อมูล เพื่อการส่งมอบผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีเวลาโฟกัสงานหลักอื่นขององค์กร ด้วยการใช้บุคลากรหลักขององค์กรเท่าเดิม โอนถ่ายความเสี่ยงด้านการบริหารบุคลากรให้กับ SO เป็นกลยุทธ์หลักในการบริหารข้อมูลมากว่า 100,000,000 ข้อมูล

นอกเหนือจากการ Outsourcing Solution ด้านบุคลากร และกระบวนการทำงานแล้ว SO ยังช่วยลูกค้าเตรียมความพร้อมรับมือกับสภาวะวิกฤตจากสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ Business Continuity Plan (BCP) ซึ่งเป็นแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ ตามมาตรฐานสากล ISO : 27001 ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ภัยพิบัติน้ำท่วม, เหตุฉุกเฉินจากไฟไหม้ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบทำให้การดำเนินงานติดขัด สร้างความเชื่อมั่นให้กับงานบริการมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น ด้วยคอนเซปท์ UNLOCK POSSIBILTIES, SO HERE WE ARE.

การพัฒนาองค์กร ด้วย Outsource กลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจยุคใหม่

การพัฒนาองค์กร โดยใช้บริการ Outsource หรือการจ้างบริการภายนอกได้กลายเป็นกลยุทธ์ที่องค์กรหลายแห่งใช้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเร่งกระบวนการพัฒนาธุรกิจ บทความนี้จะทำความเข้าใจว่าการ Outsource สามารถช่วยพัฒนาองค์กรได้อย่างไร และองค์กรประเภทใดที่ควรพิจารณาใช้กลยุทธ์นี้

การ Outsource คืออะไร?

การ Outsource คือการจ้างบุคคล หรือบริษัทภายนอก ให้รับผิดชอบดำเนินงานหรือบริการที่อาจจำเป็น แต่ไม่ใช่กิจกรรมหลักขององค์กร การทำเช่นนี้ช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังด้านที่มีความสำคัญ และมีค่าให้กับกิจการมากที่สุด

การใช้ Outsource เป็น การพัฒนาองค์กร อย่างไร?

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: การมอบหมายงานให้กับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีทักษะเฉพาะทางจะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ เนื่องจากงานเหล่านั้นจะได้รับการดูแลโดยผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์สูง
  • สร้างนวัตกรรม: ด้วยการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก องค์กรสามารถรับทราบเทคนิคใหม่ๆ และแนวคิดที่สามารถนำมาใช้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
  • ความเร็วในการตอบสนองตลาด: การ Outsource บางอย่างเช่นการพัฒนาซอฟต์แวร์ การตลาดดิจิทัล หรือการบริการลูกค้าสามารถช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ความยืดหยุ่นและการปรับขนาด: การ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดการดำเนินงานได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องลงทุนมากเกินไป ซึ่งช่วยให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีความยืดหยุ่น

องค์กรแบบไหนควรใช้ Outsource?

  • องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพยากร: องค์กรที่มีความต้องการทรัพยากรที่ไม่แน่นอนหรือมีความผันผวนสูง สามารถใช้ประโยชน์จากการ Outsource เพื่อรับมือกับความต้องการเหล่านั้นได้โดยไม่ต้องลงทุนในการจ้างงานถาวร
  • องค์กรที่ต้องการเพิ่มทักษะหรือความเชี่ยวชาญพิเศษ: บางครั้งองค์กรอาจต้องการทักษะพิเศษที่ไม่มีอยู่ภายใน การ Outsource ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นสามารถช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพและแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น
  • องค์กรที่ต้องการควบคุมต้นทุน: การจ้างงานบริการภายนอกมักจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจ้างพนักงานถาวรเนื่องจากลดค่าใช้จ่ายในการบริหารและสวัสดิการต่างๆ การ Outsource จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับองค์กรที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

แนวทางการวิเคราะห์เพื่อ การพัฒนาองค์กร

การพัฒนาองค์กรเป็นกระบวนการที่ต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรสามารถเติบโต และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และนี่คือขั้นตอนที่สำคัญในการเริ่มต้นกระบวนการพัฒนาองค์กร:

การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน

ก่อนอื่นต้องเริ่มจากการวิเคราะห์และประเมินสถานะปัจจุบันขององค์กร เพื่อทำความเข้าใจถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์ ตลาด และการแข่งขัน เพื่อระบุปัจจัยที่ต้องพัฒนาหรือปรับปรุง

การกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมาย

หลังจากที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันแล้ว องค์กรควรกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว วิสัยทัศน์ควรสะท้อนถึงทิศทางที่องค์กรต้องการเดินไปสู่ในอนาคต ในขณะที่เป้าหมายควรเป็นสิ่งที่วัดผลได้และสามารถทำให้เป็นจริงได้

การวางแผนกลยุทธ์เพื่อ การพัฒนาองค์กร

กลยุทธ์คือแผนการที่จะช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ควรพิจารณาการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ รวมถึงการวางแผนในการพัฒนาทักษะของพนักงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการแข่งขันขององค์กร

การดำเนินการและการติดตามผล

หลังจากวางแผนกลยุทธ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และต้องมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการดำเนินงานนั้นเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด และสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

การประเมินผลและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนาองค์กรเป็นกระบวนการที่ไม่มีที่สิ้นสุด องค์กรควรมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่องและค้นหาโอกาสในการปรับปรุง เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรยังคงสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม

การพัฒนาองค์กรเป็นกระบวนการที่ต้องการความเอาใจใส่และการมุ่งมั่นจากทุกส่วนขององค์กร เมื่อทำได้ดี ไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จ แต่ยังช่วยให้สามารถสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าและสังคมได้อย่างยั่งยืน.

โดยสรุปว่า

การใช้บริการ Outsource เป็นกลยุทธ์ที่มีประโยชน์มากสำหรับองค์กรที่ต้องการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ด้วยการใช้ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างนวัตกรรม และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว การเลือกใช้บริการ Outsource อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้มีประสิทธิผลและทำให้บรรลุเป้าหมายในระยะยาว

 

Unlock Possibility SO Here We Are

 

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร  

หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่คลอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ ได้แก่ 

  1. SO Next: โซลูชันด้านการ Lean & Digitization ปรับองค์กรให้คล่องตัวขึ้น โดยให้บริการด้านการจัดการข้อมูล (Data Solution) ด้านแพลตฟอร์มทางธุรกิจ เช่น Business Process Management และด้าน IT Outsource Operation เพื่อสรรหาบุคลากรด้าน IT SO ผู้ให้บริการ KYC และ Tech-Enabled Outsourcing 
  2. SO People: โซลูชันการจัดหาและบริหาร Workforce ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เช่น พนักงานขับรถ, พนักงานธุรการ, พนักงานบัญชี ,ช่างเทคนิค รวมถึงบริการจัดหาแรงงานต่างด้าว เป็นต้น 
  3. SO Green: โซลูชันบริหารภูมิทัศน์ด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นที่สีเขียวและไม้ใหญ่ โดยทีมออกแบบและรุกขกรมืออาชีพ 
  4. SO Wheel: ผู้นำด้านรถดัดแปลงและรถเช่าเชิงพาณิชย์ พร้อมระบบติดตามและจัดการยานพาหนะที่สามารถแจ้งเตือนตำแหน่งรถ,อันตราการใช้ความเร็ว  รอบการ Maintenance ไปจนถึงระบบการจองรถส่วนกลางสำหรับองค์กรขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากการมุ่งเน้นพัฒนาบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว SO พร้อมสานต่อความสำเร็จจากผลประกอบการในปี 2023 ที่เติมโตต่อเนื่องกว่า 30% ด้วยการยกระดับการให้บริการ สู่ Journey to Next-Level Outsourcing ในปี 2024 พร้อมดำเนินการผ่าน 3 Empower ได้แก่ 

Empower Brand เดินหน้าสู่ การเป็น Tech-enabled Outsourcing ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ามาในทุกกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพของ SO ให้แข็งแกร่งและพร้อมส่งมอบบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าของเรา 

Empower Sales ด้วยการ Up Skills สู่การเป็นที่ปรึกษากระบวนการทางธุรกิจ พร้อมนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ Pain Point และใช้ Outsouce ในการเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการพัฒนาองค์กร 

Empower Operation พัฒนาระบบ Lean & Digitization เสริมแกร่งให้ทีมปฎิบัติการของ SO เพิ่มศักยภาพของทีม ให้สามารถบริหารโครงการได้อย่างรวดเร็วถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

เพื่อมุ่งสู่การเป็น Strategic Partners ที่พร้อมส่งมอบ Solutions ที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ SO และพาร์ทเนอร์ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” 

การใช้ Outsource เป็น การลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ได้อย่างไร

การใช้ Outsource ช่วยใน การลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ได้อย่างไร

การลดความเสี่ยงทางธุรกิจ และคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้าเป็นกลยุทธ์สำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ หนึ่งในวิธีที่ธุรกิจหลายแห่งเลือกใช้เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นคือ “การใช้บริการ Outsource” หรือ การจ้างงานภายนอก

Outsource คืออะไร

Outsource หมายถึง การมอบหมายงานหรือ Process งานบางส่วน หรือทั้งหมด ให้กับบริษัทหรือผู้ให้บริการภายนอกจัดการแทน วิธีนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถโฟกัสไปที่งานหรือกระบวนการหลักของธุรกิจตัวเอง ขณะที่ปล่อยให้งานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะหรืองานที่ต้องการจำนวนคนไม่คงที่ ถูกจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญอย่าง SO Outsourcing

ทำไม Outsource ถึงช่วยใน การลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้

  1. ลดความเสี่ยงด้าน Work Force : การจ้างงานภายนอกช่วยลดภาระในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เช่น การสรรหา ฝึกอบรม พัฒนา และรักษาพนักงาน รวมถึงการเพิ่ม ลดจำนวนคนในงานที่ไม่ใช่งานหลักของธุรกิจ
  2. ลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี: การอัปเดตและดูแลระบบเทคโนโลยีต้องการทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญสูง การใช้ Outsource ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดและผู้เชี่ยวชาญโดยไม่ต้องลงทุนในอุปกรณ์และซอฟต์แวร์
  3. ลดความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน: การมอบหมายงานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหลักการธุรกิจหลักให้กับผู้ให้บริการภายนอก ช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงานและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เพราะ Outsource จะมา Take Risk ในกระบวนการทั้งหมดแทน
  4. ลดความเสี่ยงด้านการเงิน: Outsource ช่วยให้ธุรกิจควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยจ่ายเฉพาะงานที่ต้องการ ไม่ต้องลงทุนในทรัพยากรระยะยาว และยังสามารถ Predict ค่าใช้จ่ายในอนาคตได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่คงที่

เลือก Outsource ที่ช่วยใน การลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ได้จริงต้องดูที่อะไร

การเลือกบริษัทหรือผู้ให้บริการภายนอก (Outsource) เพื่อรับผิดชอบงานบางส่วนหรือโครงการในองค์กรของคุณเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรอบคอบและการวางแผนอย่างมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น เกณฑ์หลักในการเลือกผู้ให้บริการภายนอกควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  • 1.ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์: หาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านที่คุณต้องการ ดูผลงานที่ผ่านมาและขออ้างอิงเพื่อประเมินคุณภาพของงานและความสามารถในการส่งมอบผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  • 2.คุณภาพและมาตรฐานการทำงาน: พิจารณามาตรฐานและกระบวนการทำงานของบริษัทเพื่อดูว่าตรงกับความต้องการขององค์กรคุณหรือไม่ รวมถึงการมีการรับรองคุณภาพเช่น ISO ซึ่งสามารถเป็นตัวบ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐาน
  • 3.การสื่อสารและการรายงาน: เลือกผู้ให้บริการที่มีระบบการสื่อสารและการรายงานที่ชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถติดตามความคืบหน้าและมีการปรับเปลี่ยนได้อย่างทันท่วงที
  • 4.ความยืดหยุ่นและการปรับตัว: ดูว่าผู้ให้บริการมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตามความต้องการของโครงการหรือไม่ ซึ่งรวมถึงความสามารถในการขยายหรือลดขนาดทีมงานตามความจำเป็น
  • 5.ต้นทุนและ ROI: ประเมินต้นทุนของการใช้บริการเทียบกับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ โดยคำนึงถึงทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้แน่ใจว่าการตัดสินใจนั้นคุ้มค่ากับการลงทุน
  • 6.ความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล: ตรวจสอบว่าบริษัทมีนโยบายและมาตรการความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการรั่วไหลหรือการสูญเสียข้อมูลสำคัญ
  • 7.ความเข้ากันได้ทางวัฒนธรรม: มีการทำงานร่วมกันได้ดีกว่ากับบริษัทที่มีวัฒนธรรมที่เข้ากันได้กับองค์กรของคุณ การมีค่านิยมและวิธีการทำงานที่คล้ายคลึงกันสามารถช่วยลดความขัดแย้งและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน
  • 8.ตัวชี้วัดและการประเมินผล: มีตัวชี้วัด (KPIs) และกระบวนการประเมินผลที่ชัดเจนเพื่อวัดผลลัพธ์และประสิทธิภาพของการทำงาน

ตัวอย่างงาน Outsource ที่ช่วยลดความเสี่ยง

โดยสรุปว่า

การใช้ Outsource เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการ ลดความเสี่ยง และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ ด้วยการเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมและการจัดการความสัมพันธ์อย่างมืออาชีพ ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยงในหลายด้าน ทั้งในด้านทรัพยากรมนุษย์ การดำเนินงาน เทคโนโลยี และการเงิน ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาคุณภาพและความลับทางธุรกิจได้ การใช้ Outsource อย่างมีกลยุทธ์จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำพาตนเองไปสู่ความสำเร็จในยุคสมัยที่ไม่แน่นอนนี้

Scale Up Scale Down, ปลดล็อคข้อจำกัดกำลังคนด้วย Outsourcing Solution, Save Cost ได้มากถึง 20%

จากการที่ SO ได้รับความไว้วางใจ ให้เข้าไปร่วมวางแผน ช่วยดูแลบริหารกระบวนการให้กับลูกค้าเสมือนเป็น Strategic Partner คนสำคัญ ทำให้ทุกธุรกิจ เกิดความยืดหยุ่นสามารถปรับเพิ่มหรือลดคนได้อย่างเต็มที่ ประสบผลสำเร็จได้ตามแผน นอกเหนือจากนั้น ยังส่งผลให้ลูกค้า Save Cost ได้มากถึง 20% ควบคุมประสิทธิภาพการจัดการบุคลากรได้ถึง 98% ลูกค้าสามารถไปโฟกัสส่วนอื่นขององค์กรได้อย่างเต็มที่ หมดกังวลเรื่องข้อจำกัดต่างๆ ให้ Outsource หรือ SO เป็นผู้จัดการและแบกรับความเสี่ยงส่วนอื่นแทน ตอบโจทย์คอนเซปท์ UNLOCK POSIBILITIES, SO HERE WE ARE.

ตัวอย่างจากลูกค้าของเราในกลุ่มอุตสาหกรรม Automotive รายใหญ่ของไทยรายหนึ่ง มีความต้องการปรับลด-เพิ่ม จำนวนพนักงาน 80 ถึง 300 อัตราต่อเดือนได้อย่างอิสระ ตาม Project Plan ในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเกิดข้อจำกัดในการจัดหาทรัพยากรแรงงานให้ทันเวลา การคัดสรรให้ได้คุณภาพ และความเสี่ยงด้านกฎหมายแรงงาน หรือการจ่ายเงินชดเชย ที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับลดจำนวนแรงงานได้ ระหว่าง Project

SO ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลจัดการกับข้อจำกัดดังกล่าว โดยการใช้ความสามารถด้านทรัพยากรบุคคล ดูแลให้ทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การสรรหาและคัดสรรบุคลากร ด้วยทีม Recruit Management อบรมเพิ่มทักษะให้กับพนักงานทุกคนก่อนการเริ่มงาน จากทีม Training เฉพาะทาง ไปจนถึงขั้นตอนการบริหารค่าแรงด้วยระบบ Payroll Management System เพิ่มความถูกต้องให้กับการทำเงินเดือน ซึ่ง SO สามารถบริหารเพิ่มลดจำนวนพนักงานได้ตามความต้องการของงาน ทั้งพนักงานประจำและพนักงานทดแทน และยังสามารถ Relocate ให้กับพนักงานทั้งหมด สามารถให้บริการกับลูกค้ารายอื่นต่อได้หลังจบสัญญา อย่างไม่มีตกหล่นอีกด้วย

การ Scale Up / Scale Down คือหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อการจัดการธุรกิจ ด้วยการปรับเพิ่มหรือลดขนาดขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องตอบสนองต่อสภาพตลาด และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการจะเริ่มต้น Scale Up / Scale Down ในองค์กรนั้น อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากในแต่ละบริษัท มีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ตามลักษณะของแต่ละธุรกิจ เพราะด้วยเรื่องกฎหมายและความเชี่ยวชาญด้านสภาพการจ้าง การปรับเปลี่ยนลักษณะงาน ซึ่งจัดเป็นความเสี่ยง และส่งผลต่อการเพิ่มลดขนาดองค์กร หากคาดการณ์และประเมินผิดพลาด อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและเสียโอกาสในการแข่งขัน

1. SO เข้าใจลูกค้าและลูกจ้าง จึงออกแบบ Solutions ที่รับความเสี่ยงแทนลูกค้า, SO เป็นเครื่องมือที่ทำให้ลูกค้าสร้างโอกาสในการแข่งขันและอยู่รอดในสถานการณ์คับขัน

2. SO มีประสบการณ์ บริหารบุคลากรมากว่า 47 ปี จึงออกแบบทางเลือกให้พนักงานได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยไซด์งานที่มีให้เลือกกว่า 700 ไซด์ รองรับการจ้างงานได้มากกว่า 10,000 คน

3. SO มี Databases กว่า 200,000 คน รองรับความเสี่ยง การส่งพนักงานทดแทนการ เข้า-ออก

ลูกค้าสามารถบริหาร Core functions ได้อย่างมั่นใจ หมดห่วงเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการทำงาน ให้ SO เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ที่ช่วยวางแผน ร่วมคิดนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้เติบโตไปพร้อมกัน UNLOCK POSIBILITIES, SO HERE WE ARE.

Subcontract กับ Outsource ต่างกันอย่างไร?

ในโลกธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การเสนอบริการหรือผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง องค์กรต่าง ๆ มักมองหาวิธีในการลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มกำไร ในการดำเนินธุรกิจ การใช้บริการ Outsourcing และ Subcontracting เป็นกลยุทธ์ที่พึงสนใจเพื่อช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จในวัตถุประสงค์เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับนิยามและความแตกต่างระหว่าง Outsource และ Subcontract อาจมีความสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสองคำนี้ ดังนั้น เราจะมาอธิบายและเปรียบเทียบระหว่างสองอย่างนี้เพื่อให้คุณเข้าใจมากขึ้น

Outsource :

Outsource หมายถึง การให้ภาระงานหรือการดำเนินการบางอย่างให้กับบริษัทหรือบุคคลภายนอก โดยทั่วไปแล้ว เหตุผลหลักในการ Outsource คือเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ การ Outsource สามารถทำได้ทั้งในภาคธุรกิจเฉพาะหรือทั่วไป เช่น การ Outsource บริการพนักงานธุรการ ประชาสัมพันธ์ คนขับรถ หรือแม้กระทั่ง Programmer โดย Outsource จะรับผิดชอบในการดำเนินงานตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาทั้งหมด และต้องให้ผลงานที่มีคุณภาพตามที่ตกลงกันไว้ หมายความว่า บริษัทที่จ้าง สามารถทำงานอื่นที่เป็นงาน Core Function หลักของบริษัทได้เลย นอกนั้น Outsource จัดการให้ทั้งหมด อ่านข้อดีของ Outsource ข้ออื่นๆได้ที่นี่

Subcontract :

เป็นการนำเสนอรูปแบบของการบริการรับจ้างเหมาแรงงาน โดยสามารถกล่าวเรียกได้ว่า “ผู้รับจ้างงานช่วง” หรือสามารถอธิบายการให้การบริการลักษณะนี้อย่างละเอียด กล่าวคือ การรับช่วงงานบางส่วนจากผู้รับเหมาหลักไปทำ โดยที่ผู้รับเหมาหลักจะยังคงเป็นผู้รับผิดชอบงานทั้งหมดเช่นเดิม หรืออาจจะเป็นงานที่ต้องการทักษะและความเชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้านของในแต่ละสายอาชีพ ซึ่งบริการ Sub-contractor ไม่ได้จำกัดความต้องการที่องค์กรต้องการหาพนักงานอยู่เพียงแค่ตำแหน่ง พนักงานทำความสะอาด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เท่านั้น แต่ยังได้ขยายความต้องการไปถึง พนักงานผลิต พนักงานขนส่งสินค้า พนักงานขับรถ รวมถึงพนักงานตำแหน่งอื่นๆทั่วไปอีกด้วย ซึ่งทำให้หลากหลายองค์กรที่ต้องการใช้บริการในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง Outsource และ Subcontract :

  1. บทบาทของบริษัท Outsource และ Subcontract :
    • Outsource: บริษัทหรือบุคคลที่ Outsource จะรับผิดชอบในการดำเนินงานตามสัญญาและมีความรับผิดชอบต่อผู้ว่าจ้างทั้งหมด ทำให้ผู้ว่าจ้างถ่ายโอนความเสี่ยงทั้งหมดมาไว้ที่ Outsource ได้เลย
    • Subcontract: บริษัทจะรับผิดชอบในการดำเนินงานตามสัญญาและมีความรับผิดชอบต่อผู้ให้เปรียบเสมือนการว่าจ้างซ้อนอีกทีหนึ่งเท่านั้น
  2. ขอบเขตของงาน:
    • Outsource: การ Outsource มักเกี่ยวข้องกับการนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นลักษณะทั้วไป ที่จะต้องส่งมอบแรงงาน หรือผลงานตามที่ตกลงไว้ให้ผู้ว่าจ้าง
    • Subcontract: มักเกี่ยวข้องกับการให้บริการหรือดำเนินการที่เฉพาะเจาะจงและเกี่ยวข้องกับโครงการหรือสัญญาที่มีอยู่แล้ว และส่งมอบผลงานที่ได้รับมอบหมายให้ไปจัดการให้แล้วเสร็จโดยอาจจะจ้างบริษัทอื่นทำอีกที เปรียบเสมือนตัวกลางในการประสานงานให้เท่านั้น
  3. ความเชื่อถือได้:
    • Outsource: มักจะเป็นการที่เพิ่มความเชื่อถือในการทำธุรกิจ เนื่องจากบริษัท Outsource มักมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญในงานที่มอบหมายในงานนั้นๆ
    • Subcontract:  ยังคงมีความเชื่อถือได้เช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ของบริษัท และหน่วยงานที่ประสานงานด้วย

ในทางปฏิบัติทั้งสองเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มกำไรให้กับองค์กร โดยการเลือกใช้กลยุทธ์ใดก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและวัตถุประสงค์ของธุรกิจแต่ละราย อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ หวังว่าจากบทความนี้ คุณจะเข้าใจความแตกต่างระหว่าง เอาท์ซอส และซับคอนแทรคมากขึ้น

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร  

หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่คลอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ ได้แก่ 

  1. SO Next: โซลูชันด้านการ Lean & Digitization ปรับองค์กรให้คล่องตัวขึ้น โดยให้บริการด้านการจัดการข้อมูล (Data Solution) ด้านแพลตฟอร์มทางธุรกิจ เช่น Business Process Management และด้าน IT Outsource Operation เพื่อสรรหาบุคลากรด้าน IT 
  2. SO People: โซลูชันการจัดหาและบริหาร Workforce ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เช่น พนักงานขับรถ, พนักงานธุรการ, พนักงานบัญชี ,ช่างเทคนิค รวมถึงบริการจัดหาแรงงานต่างด้าว เป็นต้น 
  3. SO Green: โซลูชันบริหารภูมิทัศน์ด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นที่สีเขียวและไม้ใหญ่ โดยทีมออกแบบและรุกขกรมืออาชีพ 
  4. SO Wheel: ผู้นำด้านรถดัดแปลงและรถเช่าเชิงพาณิชย์ พร้อมระบบติดตามและจัดการยานพาหนะที่สามารถแจ้งเตือนตำแหน่งรถ,อันตราการใช้ความเร็ว  รอบการ Maintenance ไปจนถึงระบบการจองรถส่วนกลางสำหรับองค์กรขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากการมุ่งเน้นพัฒนาบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว SO พร้อมสานต่อความสำเร็จจากผลประกอบการในปี 2023 ที่เติมโตต่อเนื่องกว่า 30% ด้วยการยกระดับการให้บริการ สู่ Journey to Next-Level Outsourcing ในปี 2024 พร้อมดำเนินการผ่าน 3 Empower ได้แก่ 

Empower Brand เดินหน้าสู่ การเป็น Tech-enabled Outsourcing ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ามาในทุกกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพของ SO ให้แข็งแกร่งและพร้อมส่งมอบบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าของเรา 

Empower Sales ด้วยการ Up Skills สู่การเป็นที่ปรึกษากระบวนการทางธุรกิจ พร้อมนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ Pain Point และใช้ Outsouce ในการเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการพัฒนาองค์กร 

Empower Operation พัฒนาระบบ Lean & Digitization เสริมแกร่งให้ทีมปฎิบัติการของ SO เพิ่มศักยภาพของทีม ให้สามารถบริหารโครงการได้อย่างรวดเร็วถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

เพื่อมุ่งสู่การเป็น Strategic Partners ที่พร้อมส่งมอบ Solutions ที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ SO และพาร์ทเนอร์ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” 

โดยสรุปว่า ปัจจุบันโลกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา การเลือกใช้บริการ Outsource อาจะไม่เพียงพอ เหล่าบริษัทชั้นนำหลายแห่งจึงมองหา Business Partnership ที่พร้อมทั้งด้าน Workforce และ เทคโนโลยี ที่สามารถช่วยในการวางแผนและปรับกลยุทธ์ในส่วนงานต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น พร้อมปรับตัวรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Unlock Possibility SO Here We Are

หุ้น SO โชว์กำไร Q4/66 โตโดด 184 ล้านบาท ชูการเป็น Strategic Partner เสริมแกร่ง สร้างกลยุทธ์ให้ลูกค้า

SO โชว์กำไร Q4/66 โตโดด 184 ล้านบาท ชูการเป็น Strategic Partner เสริมแกร่ง สร้างกลยุทธ์ให้ลูกค้า ด้วยการยกระดับองค์กรทุกมิติ เพื่อส่งมอบคุณค่าของงาน ตอกย้ำ Outsource ยุคใหม่

ผู้ถือ หุ้น SO เฮรับทรัพย์ต้อนรับปีมังกร เติบโตทั้งรายได้ กำไรต่อเนื่อง แจกปันผลถ้วนหน้า กับผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง โชว์ผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ 2,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ 5% และมีกำไรสุทธิที่ 184 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้น 9%

นับว่าเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของ SO  หรือ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สที่มีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ใช้โมเดล TechEnabled Outsourcing Solution  เข้ามาพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพแบบครบวงจรหนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทย ที่สร้างโอกาสจากการตอกย้ำจุดแข็ง เสริมความแกร่งจากจุดยืนที่เข้าไปมีบทบาทสำคัญจากการเป็น Strategic Partner ในการ ร่วมคิด กำหนดกลยุทธ์องค์กร และนโยบายต่างๆให้กับลูกค้า โดยใช้โมเดลการนำนวัตกรรมผสมผสานเข้ากับการให้บริการด้านแรงงานบุคลากร และการวิเคราะห์ออกแบบกระบวนการ  

หุ้น SO

ยิ่งกว่านั้นยังผนึกกำลังกับบริษัทเทคฯ ระดับโลก Huawei (Cloud System) และ LAIYE (RPA) สร้างเป็น Solution ที่หลากหลายในการแก้ปัญหาให้กับธุรกิจลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละราย มุ่งหวังให้ลูกค้าได้รับคุณค่าและประโยชน์จากการใช้บริการอย่างสูงสุด ซึ่งการยกระดับองค์กรในครั้งนี้ ทาง SO ให้ความสำคัญในทุกมิติด้วยกลยุทธ์ Empower ทั้งในส่วนของ แบรนด์  เซลล์ และระดับปฏิบัติการทั้งหม เพื่อให้ลูกค้าได้โฟกัส Core Business หลักของธุรกิจ มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดจากการบริหารงาน  ด้วยคอนเซปท์ UNLOCK POSSIBILITIES, SO HERE WE ARE ให้กับทุกองค์กร คาดหวัง New S – Curve ในปีนี้ 

หุ้น SO

ุณณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SO เปิดเผยว่า “Trend ในอนาคต จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี AI, การบริหารจัดการองค์กรสู่ความยั่งยืน และแนวโน้มการใช้ Outsource ที่เพิ่มขึ้น โดยผมเองได้ไปร่วมงาน  World Economic Forum  ซึ่งคาดการณ์ในอีก 2 ปี ตำแหน่งงานในโลกจะหายไป 1 ใน 3 จากการถูก AI ทดแทน ซึ่งหมายถึงราว 85 ล้านตำแหน่ง  ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องแรงงานมนุษย์ว่างงานจำนวนมหาศาล ทำให้ขาดรายได้ ทำให้เกิดปัญหาสังคม และเศรษฐกิจตามมาอีกมากมาย 

หุ้น SO

ซึ่งสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของ Q4 2566 คือ SO เองต้องปรับเปลี่ยน หรือ Transform ยกระดับตัวเองในทุกมิติ เพื่อให้เราสามารถดึงศักภาพทรัพยากรด้านบุคลากรที่มี ร่วมกับเทคโนโลยีระดับโลกใหม่ๆ เข้ามาผสมผสาน กับกระบวนการของ LEAN Management สร้างเป็นโซลูชั่น  Tech-enabled outsource ให้ลูกค้าได้รับ Value ของงานบริการ Outsource แล้วมองเราเป็น Strategic Partner ให้กับองค์กรลูกค้าได้อย่างแท้จริง นอกเหนือจากนั้นคือ SO กำลังมองหาช่องทางการรุกตลาดใหม่ๆเพื่อสร้าง New S-Curve ในภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเเฉพาะในกลุ่ม EEC รวมถึงอุตสาหกรรมของต่างชาติ ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในประเทศ การมองหาการบริการใหม่ๆในกลุ่ม Security ทั้งในส่วนของ Security Guard และ Cyber Security การนำเทคโนโลยี IoT, Automation AI เข้ามาทดแทนการใช้กำลังคน หรือตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มเริ่มลดลง เสริมความแข็งแกร่งให้ SO มากยิ่งขึ้น ในการการขยายฐานธุรกิจ และคาดหวังการโตด้วยตัวเลข Double-Digit ในปี 2567 ต่อไป 

หุ้น SO

ติดข่าวสารของ SO เพิ่มเติม : https://ir.siamrajathanee.com/th/home 

E-KYC จาก SO ครั้งแรกในประเทศไทย กับการเลือกตั้งผ่าน Blockchain ก้าวสู่มิติใหม่ของการเลือกตั้ง

ครั้งแรกในประเทศไทย ปฎิวัติการเลือกตั้งยุคใหม่ผ่าน Blockchain ที่ SO เข้าไปเป็น Strategic Partner กับกรุงเทพมหานคร ร่วมพัฒนาระบบ E-KYC นำนวัตรรมการยืนยันตัวตนออนไลน์ ไปใช้ในการเลือกตั้งสภาเด็กและเยาวชนเขตกรุงเทพมหานคร 2567 ผนึกกำลังกับ Thai ID , D-vote , BitKUB และ JIB Chain ผลักดันการมีส่วนร่วมในวงกว้าง เข้าถึงง่าย เพิ่มความโปร่งใส และเป็นนวัตกรรมที่พิสูจน์แล้วว่า สามารถพัฒนาเป็นต้นแบบระบบเลือกตั้งออนไลน์ของประเทศไทยในอนาคตได้จริง

ในการเลือกตั้งสภาเด็กและเยาวชนเขตกรุงเทพมหานคร 67 ที่ผ่านมา นับเป็นปรากฏการณ์การเลือกตั้งรูปแบบใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นการ Digital Transformation อย่างเต็มตัว เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งผ่านระบบ ” Blockchain ” ครั้งแรกของประเทศไทย ที่องค์กร Technology ในประเทศไทยได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบการลงคะแนนภายใต้ Concept “โปร่งใส เป็นส่วนตัว ประสิทธิภาพสูง”  การไม่เปิดเผยผลโหวตก่อนหมดเวลาลงคะแนนและยังสามารถจัดการเลือกตั้งพร้อมกัน 30 เขตในวันเดียวกัน และเมื่อปิดหีบเลือกตั้งสามารถรู้ผลได้ทันที

E-KYC ของ SO เข้ามาช่วยในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไร

เราพัฒนาระบบในการเลือกตั้งครั้งนี้ร่วมกับ D-vote เพื่อใช้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตนของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ผ่านแอปพลิเคชั่น ThaiD และคอมพิวเตอร์ แทปเล็ต มาเป็นข้อมูลของผู้ลงคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้ลดปัญหาการเกิดข้อผิดพลาดในการลงคะแนนได้ทั้งหมด ประโยชน์อื่นๆ ที่ได้จากระบบนี้คือ

  1. ป้องกันการปลอมแปลง: ช่วยในการตรวจสอบตัวตนของผู้เข้าร่วมการเลือกตั้ง ทำให้ลดโอกาสในการปลอมแปลงหรือการใช้ตัวตนของบุคคลอื่นเพื่อรับสิทธิ์ในการโหวต
  2. รักษาความน่าเชื่อถือ: ช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือในระบบการเลือกตั้ง โดยผู้เข้าร่วมจะรู้ว่าเฉพาะบุคคลที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการโหวต ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เลือกตั้งและผู้เฝ้าดูการเลือกตั้ง
  3. ป้องกันภัยคุกคาม: ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้ลดความเสี่ยงในการถูกฉ้อโกงหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว
  4. ความสะดวกสบาย: ทำให้กระบวนการตรวจสอบตัวตนเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถลงทะเบียนและยืนยันตัวตนได้อย่างรวดเร็ว
  5. ประหยัดค่าใช้จ่าย: ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบตัวตน ซึ่งช่วยลดความต้องการใช้ทรัพยากรมนุษย์ในกระบวนการทั้งหมด รวมถึงประหยัดทรัพยากรด้านการใช้กระดาษในการทำบัตรเลือกตั้ง
  6. ลดความผิดพลาดในเรื่องของการสวมสิทธิ์ : เนื่องจากการใช้ Technology การยืนยันตัวตนเข้ามาใช้กับการเลือกตั้ง ทำให้ผู้ที่จำลงคะแนนเสียงต้องยืนยันตัวตน ผ่านการแสกนใบหน้าของตนเอง จึงลดข้อผิดพลาดในด้านการสวมสิทธิ์ การใช้ชื่อผู้อื่นมาลงคะแนนเสียงได้

A title

Image Box text

ทำไมต้องใช้ Blockchain

  1. ความโปร่งใสและตรวจสอบได้:  Blockchain ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบข้อมูลที่บันทึกโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ระบบเลือกตั้งมีความโปร่งใสและลดการโกง จากการที่ผู้ลงคะแนนเสียงได้เลือกลงคะแนนให้ผู้ลงสมัครเลือกตั้งแล้ว ข้อมูลจะถูกนำส่งไปเก็บไว้ใน Blockchain ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้ลดโอกาสการทุจริต และความผิดพลาดของการนับคะแนน
  2. ความปลอดภัย: การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสในการบันทึกข้อมูลบน Blockchain ทำให้ข้อมูลการเลือกตั้งปลอดภัยจากการถูกแฮ็กหรือการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ความเร็วและประหยัด: การนับคะแนนเสียงสามารถทำได้เร็วขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพากระบวนการดั้งเดิมที่ใช้เวลาและทรัพยากรมาก

อนาคตของการเลือกตั้งกับ Blockchain

อนาคตของการเลือกตั้งกับเทคโนโลยี blockchain ดูสดใส เนื่องจากสามารถเสนอวิธีการใหม่ที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพในการจัดการและตรวจสอบการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องเอาชนะ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงเทคโนโลยี การรับรองความถูกต้องของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในระบบใหม่นี้

การพัฒนาและการทดลองใช้ blockchain ในการเลือกตั้งได้เริ่มต้นขึ้นในหลายประเทศแล้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยปรับปรุงความถูกต้อง ความเป็นธรรม และความไว้วางใจในกระบวนการเลือกตั้งได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ อนาคตของการเลือกตั้งอาจก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

การเลือกตั้งที่ใช้ blockchain อาจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่โอกาสและศักยภาพที่มีอยู่นั้นมหาศาล การทำความเข้าใจและการทดลองใช้เทคโนโลยีนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวิธีที่เรามองเห็นและจัดการกับการเลือกตั้งในอนาคต

KYC กับทิศทางและอนาคตของการเลือกตั้ง

จากปรากฎการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Technology สามารถเข้ามาช่วยจัดการกระบวนการลงคะแนนเลือกตั้งได้ทั้งหมด ลดเวลาในการเดินทางไปลงคะแนนเสียง การป้องกันบัตรเสีย และความผิดพลาดในด้านการยืนยันตัวตนของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน นับเป็นการ Decentralize โปร่งใส และ Realtime เพราะรู้ผลการเลือกตั้งทันที โมเดลการเลือกตั้งออนไลน์ครั้งนี้ เป็นก้าวแรกของการที่การเลือกตั้งสามารถใช้ Techonology เข้ามาปรับปรุงกระบวนการการทำงาน

Unlock Possibility SO Here We Are

 

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร  

หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่คลอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ ได้แก่ 

  1. SO Next: โซลูชันด้านการ Lean & Digitization ปรับองค์กรให้คล่องตัวขึ้น โดยให้บริการด้านการจัดการข้อมูล (Data Solution) ด้านแพลตฟอร์มทางธุรกิจ เช่น Business Process Management และด้าน IT Outsource Operation เพื่อสรรหาบุคลากรด้าน IT SO ผู้ให้บริการ KYC และ Tech-Enabled Outsourcing 
  2. SO People: โซลูชันการจัดหาและบริหาร Workforce ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เช่น พนักงานขับรถ, พนักงานธุรการ, พนักงานบัญชี ,ช่างเทคนิค รวมถึงบริการจัดหาแรงงานต่างด้าว เป็นต้น 
  3. SO Green: โซลูชันบริหารภูมิทัศน์ด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นที่สีเขียวและไม้ใหญ่ โดยทีมออกแบบและรุกขกรมืออาชีพ 
  4. SO Wheel: ผู้นำด้านรถดัดแปลงและรถเช่าเชิงพาณิชย์ พร้อมระบบติดตามและจัดการยานพาหนะที่สามารถแจ้งเตือนตำแหน่งรถ,อันตราการใช้ความเร็ว  รอบการ Maintenance ไปจนถึงระบบการจองรถส่วนกลางสำหรับองค์กรขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากการมุ่งเน้นพัฒนาบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว SO พร้อมสานต่อความสำเร็จจากผลประกอบการในปี 2023 ที่เติมโตต่อเนื่องกว่า 30% ด้วยการยกระดับการให้บริการ สู่ Journey to Next-Level Outsourcing ในปี 2024 พร้อมดำเนินการผ่าน 3 Empower ได้แก่ 

Empower Brand เดินหน้าสู่ การเป็น Tech-enabled Outsourcing ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ามาในทุกกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพของ SO ให้แข็งแกร่งและพร้อมส่งมอบบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าของเรา 

Empower Sales ด้วยการ Up Skills สู่การเป็นที่ปรึกษากระบวนการทางธุรกิจ พร้อมนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ Pain Point และใช้ Outsouce ในการเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการพัฒนาองค์กร 

Empower Operation พัฒนาระบบ Lean & Digitization เสริมแกร่งให้ทีมปฎิบัติการของ SO เพิ่มศักยภาพของทีม ให้สามารถบริหารโครงการได้อย่างรวดเร็วถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

เพื่อมุ่งสู่การเป็น Strategic Partners ที่พร้อมส่งมอบ Solutions ที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ SO และพาร์ทเนอร์ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” 

SO บริษัท Outsource ยกระดับองค์กร เพื่อการเป็น Strategic Partner อย่างเต็มตัว

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO พร้อมกับกลยุทธในการเติบโตทางธุรกิจ Journey to Next-Level Outsourcing ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยกระดับ พัฒนาในทุกภาคส่วนของ บริษัท Outsource ผ่าน 3 Empower โดยมีจุดมุุ่งหมายเพื่อ การ Transform องค์กรให้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การบริหารงานของลูกค้า หรือ Strategic Partner อย่างเต็มตัว 

คุณณัฐพล วิมลเฉลา กล่าวว่าในปัจจุบัน หรือในอนาคต สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ Trend การใช้ บริษัท Outsource เพื่อการบริหารงาน เนื่องจากในหลายๆบริษัท หันมามองเรื่องการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น จึงเกิดเป็นการปรับตัว และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารงานเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น สามารถโฟกัสสิ่งที่เป็นธุรกิจหลักของตัวเองได้อย่างเต็มที่

SO วางวิธีการTransform ตัวเอง จากการเป็นบริษัท Outsource Service ด้วย 3 Empower ซึ่งครอบคลุมในทุกภาคส่วนของการพัฒนาองค์กร ในการก้าวขึ้นเป็น ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารงานให้กับลูกค้าอย่างเต็มตัว 

Empower ทั้ง 3 ส่วน ประกอบไปด้วย  

Empower Brand

โดยการรีแบรนด์จาก บริษัท Outsource ที่เน้นการสรรหาบุคลากรเป็นส่วนใหญ่ สู่การเป็น Tech-enabled Outsourcing โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาในทุกกระบวนการ เพื่อเพิ่มศักยภาพของแบรนด์ SO ให้แข็งแรง พร้อมส่งมอบบริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้า   

Empower Sales

โดยการ Up Skills เซลล์สู่การเป็น Business Consult นำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้ลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ Pain Point ด้วยการให้ SO เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์องค์กร รวมไปถึงการจับมือกับ Partner บริษัท Tech ระดับโลก เพื่อการร่วมมือพัฒนา และที่ปรึกษาทางธุรกิจ 

Empower Operation

โดยการนำเทคโนโลยีและแนวคิดของการ Lean & Digitization เข้ามาเสริมแกร่งให้ทีมปฎิบัติการ เพิ่มความสามารถในการดูแลจัดการกระบวนการทำงานของลูกค้า ประกอบด้วย เทคโนโลยีเพื่อการ Tracking เกิดเป็นจัดการแบบ Process Engineer  

ก้าวสู่การเป็น Strategic Partner Outsourcing  

เราก้าวสู่การเป็นอีกขั้นของ Solution ให้กับลูกค้า วันนี้ SO ไม่ใช่ Outsource อีกต่อไป แต่เราคือ Strategic  Partner Outsourcing เพื่อจุดประสงค์หลักคือ

ต้องการให้ลูกค้า Focus on Core Business

อะไรที่ไม่ใช่งานหลักของลูกค้า สามารถให้ SO จัดการแทนได้ทั้งหมด เช่นกลุ่มธนาคาร หรืองานประกัน ที่จำเป็นต้องมีการคีย์เอกสาร จัดเก็บข้อมูลที่มจำนวนมากเพื่อการ Input ข้อมูลเข้าระบบ จำเป็นต้องใช้พนักงานจำนวนมาก และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ พนักงานมีการ Turn Over สูง ซึ่ง SO เข้าไปจัดการในส่วนนี้ เราส่งมอบข้อมูลที่ Input ในระบบตามจำนวน Record ที่ลูกค้าต้องการ โดยที่ Monitor ได้จาก Dashboard รายวัน  

ลูกค้าสามารถ Scale – Up / Down ได้ง่าย

การใช้ SO ทำให้ลูกค้าสามารถ Scale – Up / Down ในส่วนของ Workforce ได้อย่างอิสระ เนื่องจากเป็นบุคลากรจาก SO ที่เป็น Outsource ลูกค้าไม่จำเป็นต้องแบก ความเสี่ยงด้านจำนวน Workforce ในกรณีที่ต้องการเพิ่มจำนวนมากในระยะเวลาหนึ่ง และลดจำนวน Workforce ลงในช่วงเวลาหนึ่ง ตรงนี้ลูกค้าออกแบบได้อย่างอิสระ เพราะใช้ SO เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวน หรือลดจำนวนแรงงานได้ทันที นอกจากนั้นยังสามารถ Plan การใช้ Workforce ล่วงหน้าได้ทันที ไม่ต้องกังวลเรื่องการ Recruit พนักงานเข้ามา ว่าจะทันเวลาที่ต้องการหรือไม่ 

บริษัท outsource แบกรับความเสี่ยงแทนลูกค้า  

SO บริหารพนักงานแรงงานจำนวนหลายพันและดูแลสินทรัพย์ให้ ลูกค้ารัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของเรา ลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ของเรา และลูกค้าอุตสาหกรรมค้าปลีกของเรารายหนี่ง ใช้ Workforce ที่เป็น Outsource จาก SO ซึ่งลูกค้ามี Core Business ที่ต้องจัดการอยู่แล้ว หากแต่เป้าหมายของลูกค้าเราจำเป็นต้องใช้ Workforce เพื่อ Achieve Goal

เราเป็น 1 ในกลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้าของเรา ประสบความสำเร็จ และเหนือกว่านั้นเรายังเป็นกลยุทธ์ในด้านการจัดการความเสี่ยงให้กับลูกค้า เนื่องจากหากลูกค้าขาดจำนวนแรงงานใน Operation ของเขา  SO สามารถส่งคนทดแทนได้ทันทีใน 3 ชั่วโมง และเราสามารถ Deliver คนงานทดแทนในแต่ละไซต์ได้มากกว่า 200 คนในกรณีฉุกเฉิน เพราะเรามีฐานข้อมูลของ Workforce  มากพอจะรองรับความเสี่ยงด้านนี้แทนลูกค้า  รวมถึงความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่หน้าไซต์งาน จากข้อมูลย้อนหลัง หน้าไซต์งานที่ SO ให้บริการมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า 1% ความเสี่ยงตรงนี้จึงน้อยมาก และลูกค้าไม่ต้องแบกรับ 

ใช้ Innovation ไปปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ลูกค้าได้เสมอ  

เราเข้าไปเป็น System Integrator จากการที่ล่าสุดเราเป็น Partner กับ LAIYE ทำให้เรามี RPA ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดให้กับลูกค้า หลายๆบริษัท นอกจากจะส่งแรงงานแล้วเรายังทำระบบที่ช่วยในการทำงานเช่น ERP , OCR  เข้าไป Lean กระบวนการให้ ลูกค้าของเรา จัดการกระบวนการเรื่องเอกสารทั้งระบบ จนลูกค้าขอเรารายหนึ่ง สามารถทำรายได้เติบโต 1,000% โดยใช้พนักงานเท่าเดิม ซึ่งลูกค้าสามารถมองเราเป็น 1 ใน กลยุทธ์ขององค์กรลูกค้าได้ 

 

ในปี 2567 ต่อไปนี้ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ SO ในจะเป็น Strategic Partner ที่มุ่งเน้นไปที่การเป็นพันธมิตรเพื่อการเป็นที่ปรึกษา วิเคราะห์จัดการกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน และการจัดการกระบวนการทางธุรกิจเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถโฟกัสไปที่ธุรกิจหลักของลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงการให้บริการหลากหลาย ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ การบริหารจัดการยานพาหนะ การจัดการข้อมูลและเอกสาร และการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ พร้อมกับการนำเทคโนโลยีในยุดปัจจุบันเข้ามาเสริม เช่น เทคโนโลยี AI, Robotic Process Automation (RPA) นอกจากนี้ SO ยังให้คำปรึกษาในเรื่องกลยุทธ์การจ้างงานและกระบวนการ LEAN เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการและขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

Please enable JavaScript in your browser to complete this form.
ชื่อ-สกุล
บริการที่ท่านสนใจ

ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบริการต่างๆของเราได้ที่

บริการของเรา 

🔴 SO PEOPLE : Let you focus on your core values.
🔵 SO NEXT : Lean and transform your business.
🟢 SO GREEN : Tree care Sustainable for you.
🟡 SO WHEEL : You drive, We serve.

@LINE : Consult Outsource

 

#SO #SIAMRAJCHATANE #OUTSURCESERVICE #OUTSOURCE #OUTSOURCEIT #OUTSOURCESOLUTION #TECHENABLEDOUTSOURCE SOLUTION

asdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdsdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasdasdasdasdadasdasddasdadasdasdasdasdasdadasdasd

RPA คืออะไร? ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่อย่างไร? หนึ่งในบริการจาก SO

มากกว่างาน Outsource Service ที่ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ให้บริการในปัจจุบันแล้ว ยังมีหนึ่ง Solution ที่ตอกย้ำการเป็นบริษัท Tech-Enable Outsource นั่นคือระบบ Robotic Process Automation (RPA) เพื่อช่วยจัดการกระบวนการ การทำงานของธุรกิจลูกค้า ให้ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งในบทความนี้ จะให้คำตอบว่า RPA คืออะไร ? ตอบโจทย์ธุรกิจในยุคปัจจุบันอย่างไร?

RPA คืออะไร (Robotic Process Automation)

          Robotic Process Automation (RPA) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ จำลองการทำงานของมนุษย์ให้ออกมาในรูปแบบการใช้งานที่เรียกว่า “บอท” หรือ ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งบอทเหล่านี้สามารถทำงานได้หลากหลาย ตามการออกแบบของเรา เพื่อช่วยจัดการกับกระบวนการ การทำงานของแต่ละธุรกิจ เช่น การป้อนข้อมูล, การคำนวณ, การจัดการและการบันทึกไฟล์ ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะเป็นการทำงานแบบซ้ำๆ จำนวนมาก ใช้ความแม่นยำสูง

ประเภทการทำงานของ RPA 

          RPA ประกอบด้วยส่วนประกอบหลายส่วน ที่ช่วยให้สามารถคำนวณ และวิเคราะห์กระบวนการ การทำงานของแต่ละธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

                  RPA Bots : เป็นบอท, ซอฟต์แวร์ ที่ทำงานตามกฎหรือลำดับขั้นตอนที่กำหนดไว้ เพื่อทำซ้ำกระบวนการเดิมๆ ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องมีการเข้าแทรกจากผู้ใช้งาน 

                  Control Room / Dashboard : เป็นส่วนที่ใช้สำหรับการจัดการและควบคุมบอท ประกอบด้วยฟังก์ชันสำหรับการตั้งค่า, การติดตาม และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบอท 

                  Development Tools : เครื่องมือที่ใช้สำหรับการสร้างและปรับแต่ง ซึ่งรวมถึงการออกแบบลำดับขั้นตอน, การทดสอบ และการดีบัก 

                  Integration Tools : เครื่องมือที่ช่วยให้ RPA สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ในองค์กร เช่น ระบบ ERP, CRM หรือฐานข้อมูล 

โดยการทำงานแต่ละประเภทของ RPA จะขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะของกระบวนการ ในแต่ละธุรกิจองค์กร

โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก 

          1.Attended Automation บอทประเภทนี้ จะทำงานร่วมกับมนุษย์ในกระบวนการต่างๆ ที่ออกแบบไว้ มักใช้ในกระบวนการที่ต้องการการตัดสินใจจากมนุษย์รวมด้วยระหว่างการใช้งาน เช่น บอทที่ช่วยให้พนักงานป้อนข้อมูล หรือการจัดการงาน ที่ต้องใช้ตรรกะหรือวิธีการเฉพาะจากผู้ใช้ 

          2.Unattended Automation บอทที่ทำงานโดยอัตโนมัติเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องการการตัดสินใจ หรือวิธีการเฉพาะจากมนุษย์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีลำดับขั้นตอนการทำงานชัดเจนและซ้ำๆ เช่น การประมวลผลธุรกรรมทางการเงิน หรือการปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูล 

          3.Hybrid RPA บอทที่ผสมผสานระหว่าง Attended และ Unattended Automation สามารถทำงานได้ทั้งในสองรูปแบบ เพื่อการจัดการกระบวนการที่ จำเป็นต้องใช้การตัดสินใจจากผู้ใช้ ควบคู่ไปกับการ แบบซ้ำๆตามลำดับด้วย 

RPA มีความสำคัญ หรือข้อดีอย่างไร เพื่อช่วยเหลือธุรกิจและองค์กร 

          1.เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงาน ด้วยระบบอัตโนมัติของ RPA สามารถจัดการกับกระบวนการที่ต้องทำซ้ำๆ ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการทำงานที่ซ้ำซากและต้องการความแม่นยำสูง เช่น การป้อนข้อมูลหรือการประมวลผลเอกสาร พร้อมกับสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชม.โดยไม่มีการหยุดพัก ทำให้กระบวนการทางธุรกิจไม่ถูกขัดจังหวะ

          2.ลดต้นทุนด้านแรงงาน ช่วยลดความต้องการในการจ้างบุคลากรในบางขั้นตอนของกระบวนการการทำงานได้ ซึ่งอาจเป็นขั้นตอนงานที่ทำในรูปแบบเดิมๆ ไม่เพิ่มมูลค่า หรือเป็นขั้นตอนหลักที่วางระบบ ให้ RPA จัดการแทนได้

          3.ปรับปรุงคุณภาพของงาน ด้วยความแม่นยำและความเชื่อถือได้ เนื่องจาก RPA มีความแม่นยำสูงและถูกต้องตามการวางโปรแกรม สามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ได้ 

          4.การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและพนักงาน ด้วยการทำงานที่รวดเร็วของ RPA เนื่องจากเป็น บอทหรือโปรแกรมที่เขียนขึ้น ทำให้เกิดผลลัพธ์และการจัดการคำขอของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับลดปริมาณงาน Routine ให้กับพนักงาน ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานหลัก ที่สำคัญและต้องการทักษะเฉพาะทางมากขึ้น

          5.การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง RPA มีความยืดหยุ่น ในการปรับสเกลของปริมาณงานได้ตามต้องการ สามารถปรับเพิ่ม หรือลดขนาดการทำงานได้อย่างง่ายดายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงจากลูกค้าและองค์กร ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือข้อกำหนดทางกฎหมาย 

RPA-LS

ธุรกิจ หรือองค์กรใดบ้าง ที่ควรนำ RPA เข้าไปช่วยจัดการ          

1.ธุรกิจการเงินและการธนาคาร

ธนาคารและสถาบันการเงินมักมีกระบวนการที่ซ้ำๆ เช่น การทำบัญชี, การจัดการการเงิน, การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ซึ่ง RPA สามารถออกแบบวางการจัดการอัตโนมัติ ให้กับกระบวนการเหล่านี้ได้

2.อุตสาหกรรมประกันภัย

กระบวนการเช่น การประมวลผลเคลมประกัน, การจัดการข้อมูลลูกค้า, การบันทึกข้อมูลกรมธรรม์ที่มีจำนวนมาก ซึ่ง RPA ช่วยลดระยะเวลาการทำงาน และความผิดพลาดจากพนักงานได้

3.การดูแลสุขภาพ

การจัดการข้อมูลผู้ป่วย, การจัดการเอกสารทางการแพทย์, การประมวลผลการเรียกเก็บเงิน ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และคลินิกทั่วไป ก็สามารถนำ RPA เข้าไปช่วยงานได้

4.อุตสาหกรรมการผลิต

การจัดการสต็อกและอุปกรณ์, การติดตามกระบวนการผลิต, การจัดการข้อมูลการจัดส่ง หรือแม้แต่กระทั้งการจัดการและติดตามเรื่องการขนส่ง

5.การค้าปลีก, e-Commerce และการบริการลูกค้า

การจัดการคำสั่งซื้อ, การประมวลผลการคืนสินค้า, การจัดการ จัดเก็บข้อมูลลูกค้า การใช้บอทตอบคำถามซ้ำๆหน้า Page

6.ธุรกิจ HR และการบริหารทรัพยากรมนุษย์

กระบวนการจ้างงาน, การจัดการข้อมูลพนักงาน, การจัดการเงินเดือนและผลประโยชน์, ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรเกิดความผิดพลาด

แนวโน้มในอนาคต 

          การใช้ RPA คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจต่างๆ มองเห็นประโยชน์ในการลดต้นทุน, การเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการทำงาน และการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและพนักงาน. นอกจากนี้, การรวมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง, จะทำให้ RPA มีความสามารถและความฉลาดมากขึ้น, สามารถจัดการกับงานที่ซับซ้อนและมีค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย

RPA-LS-2

RPA มีข้อเสียอย่างไรบ้าง

ในขณะที่ Robotic Process Automation (RPA) มีข้อดีมากมายสำหรับธุรกิจและองค์กร แต่ก็ยังมีข้อเสีย หรือข้อจำกัดที่ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน          

1.ข้อจำกัดในความซับซ้อน ไม่สามารถจัดการกับงานที่มีความซับซ้อนสูง RPA ทำงานได้ดีกับกระบวนการที่มีกฎหรือลำดับขั้นตอนที่ตายตัวชัดเจน แต่อาจไม่สามารถจัดการกับงานที่ต้องการการตัดสินใจที่ซับซ้อน หรืองานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ ทักษะเฉพาะทางจากพนักงาน          

2.ความต้องการในการบำรุงรักษาและอัปเดต RPA เป็นระบบที่ถูกเขียนขึ้นในรูปแบบของ บอทหรือซอฟต์แวร์ ทำให้ต้องมีการบำรุงรักษาและอัปเดต อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการแก้ใขข้อบกพร่อง และทำให้บอททำงานได้รวดเร็ว ฉลาดมากขึ้นด้วย          

3.ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและฝึกอบรม RPA อาจมีค่าใช้จ่ายสูงในช่วงเริ่มแรก ซึ่งจะเป็น ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง และการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน ทั้งในส่วนของผู้ใช้งาน และผู้ดูแลระบบด้วย          

4.ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด การใช้ RPA สร้างความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากมีการจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และให้ความสำคัญ กับการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง        

5.ความต้องการในการเตรียมพร้อมด้านเทคนิค ความต้องการทีม IT ที่มีทักษะสูง เพื่อการดูแลและนำ RPA เข้ามาใช้งาน การแก้ใขข้อบกพร่องต่างๆ การออกอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการวางระบบ Cyber Security เพื่อการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

          “Robotic Process Automation (RPA) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยอัตโนมัติกระบวนการทางธุรกิจ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบอทเพื่อจำลองการทำงานของมนุษย์ในการปฏิสัมพันธ์กับระบบคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชันต่างๆ RPA นำเสนอข้อดีมากมาย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ, ลดต้นทุน, ลดความผิดพลาดจากมนุษย์, และเพิ่มความเชื่อถือได้ในกระบวนการทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีค่าเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม RPA ยังคงมีข้อจำกัดบางประการ เช่น จำเป้นต้องมีผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแลติดตั้ง, ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและฝึกอบรม, ปัญหาการรวมกับระบบเก่า และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล”

          ซึ่งการที่จะพัฒนา RPA ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยได้นั้น จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อการติดตั้งและวางระบบ รวมไปถึงการวิเคราะห์กระบวนการการทำงานของแต่ละธุรกิจ เพื่อให้ RPA ทำงานได้อย่างสอดคล้อง และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดย SONEXT เป็นผู้ให้บริการระบบ RPA แบบเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนของการวิเคราะห์กระบวนการของลูกค้า ออกแบบระบบให้เข้ากับการทำงาน รวมไปถึงดูแลและปรับปรุงให้จนจบกระบวนการ… “ให้ SO NEXT เป็นผู้ช่วยธุรกิจคุณ เพื่อการ LEAN & DIGITIZE YOUR BUSINESS แล้วการทำงานของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ติดต่อขอคำปรึกษาจาก SONEXT ฟรี

PHONE : 090-197-8521

WEBSITE : https://www.sonext.asia

LINE OFFICIAL : @SONEXT

EMAIL : [email protected]