สารจากประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน)

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น
ในนามของคณะกรรมการบริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) ขอเรียนให้ท่านผู้ถือหุ้นทราบว่า ในปี 2567 บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายทุกประการ ทั้งในเรื่องผลประกอบการ การเติบโตของธุรกิจ การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,581.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,382.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 153.02 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัท มีการประชุมรวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง ได้พิจารณาการปรับผังโครงสร้างองค์กร เพื่อให้การบริหารงานของบริษัทมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยแบ่งโครงสร้างการบริหารออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม Outsource 1, Outsource 2, กลุ่ม Technology และกลุ่มGeneral Affairs เพื่อให้การกำหนดผู้รับผิดชอบตาม
โครงสร้างและการบริหารงานมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นรวมทั้งให้มีการพัฒนาผู้บริหารตาม Succession Plan อย่างต่อเนื่องและโดยที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาบุคลากรจึงต้องมีความรู้ และต้องติดตามพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารบุคลากรในระดับสากลตลอดเวลา บริษัทได้จัดอบรมให้ความรู้แก่กรรมการและผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอซึ่งมีความท้าทายเพิ่มขึ้นหลายประการสำหรับผู้บริหารธุรกิจในปัจจุบัน
ปี 2567 เป็นปีที่ทั่วโลกเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ตั้งแต่ความขัดแย้งในหลายภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ โครงสร้างประชากร และความไม่สอดคล้องกันของทักษะแรงงานกับความต้องการของตลาดส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กร และการใช้เทคโนโลยีเพื่อทดแทนกระบวนการบางส่วน จากข้อมูลภายในของบริษัท ลูกค้าหลายรายเริ่มเปลี่ยนจากการจ้างบริการเป็นการหาพาร์ทเนอร์ที่ร่วมออกแบบกระบวนการ ใช้เอาท์ซอร์สเป็นเสมือนหน่วยงานภายในที่ช่วยลดภาระองค์กรด้านกำลังคนและบริหารความเสี่ยง
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในองค์กร หลายคนอาจนึกถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่มีผลกระทบมากนัก แต่สำหรับบริษัท SO การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการปฏิวัติทั้งแนวคิดและวิธีการทำงานจนได้รับรางวัล “The Most Corporate Transformation” ด้วยกลยุทธ์ 3 Empower ที่พลิกโฉมแนวคิดและการให้บริการเพื่อเป็นพันธมิตรที่แท้จริงของลูกค้า ได้แก่ Empower Brand ที่ให้ความรู้และสร้างคุณค่าให้ Outsourcing เป็นมากกว่าการจ้างงาน แต่คือการร่วมแก้ปัญหาธุรกิจ, Empower Sale ที่เปลี่ยนนักขายเป็นที่ปรึกษาที่เข้าใจและร่วมวางกลยุทธ์กับลูกค้า และ Empower Operation ที่นำเทคโนโลยีและ AI มาปรับปรุงการดำเนินงานให้แม่นยำและรวดเร็ว
นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ SO ไม่เพียงแค่ปรับตัว แต่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ บริษัทได้บรรลุเป้าหมายที่ทำพันธสัญญากับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการเข้าร่วมโครงการ ESG DNA ชุดความรู้ด้านความยั่งยืนสำหรับบุคลากรทุกระดับในองค์กร และได้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 อยู่ในระดับ BBB ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมการประเมินเป็นปีแรก
รวมทั้งบริษัทได้เข้าร่วม โครงการ Cyber Security Resilience ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งเป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อประเมินระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทจดทะเบียน โดยผลการประเมินที่ได้สะท้อนถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของบริษัทอย่างชัดเจน
โดยบริษัทได้รับ NIST Function Average Rating 2.41 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงค่าเฉลี่ยระดับประเทศที่อยู่ที่ 1.91 สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเสริมสร้างระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป นอกจากนี้บริษัทยังได้รับคะแนน Security Summary Report จาก SecurityScorecard ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกด้านการประเมินความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยสามารถทำคะแนนได้สูงถึง 90 คะแนน

