SO คว้ารางวัล THE MOST CORPORATE TRANSFORMATION พร้อมก้าวไปข้างหน้า สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ 

   คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ประกอบการธุรกิจหลัก 2 รูปแบบเพื่อ Transformation องค์กรของลูกค้า คือธุรกิจบริการเอาท์ซอร์ส (Outsource Service) และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยี (Technoiogy Service) รับรางวัล THE MOST CORPORATE TRANSFORMATION ในงาน Future Trends 2025 ภายใต้คอนเซปต์ Trends for Better Life

   คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข กล่าวว่า สำหรับรางวัลที่ได้รับไม่ใช่แค่เครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่คือพลังขับเคลื่อนให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น พร้อมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนอนาคตขององค์กรไทยให้แข็งแกร่ง  เพราะเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ไม่ได้เริ่มต้นจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจากแนวคิด กระบวนการ และผู้คน ในการช่วยให้องค์กร Transform อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยกลยุทธ์ 3 Empowers โดยเปลี่ยนจาก Workforce Service สู่การเป็น Strategic Partner ยกระดับทีมขายจาก Sales ให้เป็น Consultants ที่เข้าใจปัญหาธุรกิจและให้คำปรึกษาได้จริง และสุดท้ายเราพลิกโฉมกระบวนการทำงาน จาก Operation เป็น Process Engineer  ที่สามารถวัดผล และตรวจสอบได้

   รางวัลนี้คือบทพิสูจน์ว่า SO พร้อมพัฒนาไม่หยุดยั้ง  เราผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับบริการ เพื่อสร้างกระบวนการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยองค์กรบริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า และสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับธุรกิจของลูกค้า นี่คือสิ่งที่ SO เชื่อมั่น และจะเดินหน้าต่อไป เพราะเราเชื่อว่า “มนุษย์” คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนอนาคต เราไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่เข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่เราใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพมนุษย์ ให้สามารถต่อยอดความสามารถของตัวเองให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น

   สำหรับรางวัล Future Trends Awards 2025 เป็นงานประกาศรางวัลสุดยอดผู้นำเทรนด์แห่งปี มอบรางวัลให้แก่องค์กร และบุคคลที่เป็นสุดยอดผู้นำเทรนด์ในการขับเคลื่อนอนาคตและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยรางวัลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. Future Trends Corporates Awards: มอบให้แก่องค์กรชั้นนำ ที่สร้างพลังขับเคลื่อนให้กับวงการธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มีแนวคิดในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ 2. Future Trends Leader Awards: มอบให้กับบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ จากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี สังคม หรือธุรกิจ หรือแม้แต่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ผู้ที่ขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

SO Outsourcing ใจถึง ทำได้ จ่ายปันผล 85% ของกำไร 0.18 ต่อหุ้น 2 ครั้งต่อปี

บมจ.สยามราชธานี หรือ SO เผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.18 บาท/หุ้น XD 7 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่าย 21 พฤษภาคม 2568  จากผลประกอบการปี 2567  บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,581.36 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 153 ล้านบาท ด้านไตรมาส 4/2567 บริษัททำกำไรเพิ่มขึ้น 61.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนแผนงานปี 2568 คาดรายได้จากประกอบการธุรกิจโตมากกว่า 10% Backlog อยู่ที่ประมาณ 70% ของเป้ารายได้ วางเป้าเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 17% ขึ้นไป รวมถึงการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาด้านการให้บริการแก่ลูกค้า

คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ประกอบการธุรกิจหลัก 2 รูปแบบเพื่อ Transformation องค์กรของลูกค้า คือธุรกิจบริการเอาท์ซอร์ส (Outsource Service) และ ธุรกิจบริการดิจิทัล (Digital Service) เปิดเผยว่ามติคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 85% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ก่อน

โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นปีละ 2 ครั้ง โดยการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาล และครั้งที่สองสำหรับเงินปันผลประจำปี ทั้งนี้เงินปันผลที่จ่ายรวมทั้งสิ้นในแต่ละปีจะมีจำนวนประมาณร้อยละ 50% ของกำไรสุทธิ ภายหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2567 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 697.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 599.04 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 59.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36.51 ล้านบาท 

ด้านผลการดำเนินงานปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,581.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,382.47 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ค่าบริหารจัดการบุคลากร อยู่ที่ 2,142.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,016.83 ล้านบาท และรายได้ค่าเช่าและบริการ 414.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้อยู่ที่ 329.57 ล้านบาท ด้านกำไรขั้นต้นสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 411.68 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 410.99 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 16.10 % ลดลงจากปี 2566 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 17.51 %

โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากทุกส่วน โดยเฉพาะ SO Green และ SO Wheel ที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 23.4% และ 19.7% ตามลำดับ โดยในส่วนของ SO People มีจำนวนรายได้เพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ 85.89 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.67% และสำหรับ SO Next จะมีการเติบโตเพียงเล็กน้อยที่จำนวน 4.44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.49%

ทั้งนี้จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในปี 2567 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่จึงมีผลกระทบให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยประมาณ 1.5% และในส่วนของกำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 153.02 ล้านบาท ซึ่งลดลง 30.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 183.53 ล้านบาท จาก 3 ปัจจัยหลักซึ่งเป็นรายการที่เกิดเพียงครั้งเดียวคือ 1. ปี 2566 มีการบวกกลับค่าเผื่อค่าปรับจำนวน 18 ล้านบาท 2. จำนวนรถหมดสัญญาและขายในปี 2567 น้อยกว่าปีก่อน และ 3. ค่าธรรมเนียมจากการปิดสัญญา Leasing ก่อนกำหนด

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 จะยังมีการรักษาระดับการเติบโตของรายได้มากกว่า 10% และมีเป้าหมายต้องการที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นอย่างน้อย 17% ซึ่งภาพรวมปี 2567 ในส่วนของรายได้นั้นที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปิดสัญญาใหม่ 186 สัญญา มูลค่ารวม 1,002 ล้านบาท และพยายามรักษาฐานลูกค้าให้ได้มากกว่า 90% ส่วนงาน Backlog อยู่ที่ประมาณ 70% ของเป้ารายได้ปี 2568 อีกทั้งจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กร และการส่งบุคลากรไปยังองค์กรต่าง ๆ จะมีการเพิ่มทักษะบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ การทำงานหลัก ๆ จะเป็นการเสริมในเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น จะมีการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาด้านการให้บริการแก่ลูกค้า

บริษัทมีอัตราการต่อสัญญาจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่สูงกว่า 90% อย่างต่อเนื่องทุกปี สะท้อนถึงคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ และด้วยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ช่วยลูกค้าลดภาระในด้านต่าง ๆ เราจึงเป็นมากกว่าผู้ให้บริการ โดยเปรียบเสมือนเป็น Solution Partner และ Strategic Partner ที่ช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวยิ่งขึ้น

ติดต่อ นักลงทุนสัมพันธ์

คุณอรชร บรรลือทรัพย์

@ LINE : So.IR โทร 084-324-3083

หมายเหตุ : ข้อมูลติดต่อสำหรับนักลงทุนสัมพันธ์เท่านั้น เรื่องอื่นไม่สามารถให้ข้อมูลได้

SO คว้าตำแหน่งรายชื่อ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 2567 สะท้อนความมุ่งมั่น ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

หุ้นยั่งยืน2024 SET ESG Ratings

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน รายชื่อ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีรายชื่อหุ้นยั่งยืนทั้งสิ้น 228 บริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ 

คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การได้รับการยอมรับในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความตั้งใจของ SO ในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับหลักการดำเนินงานตามแนวทาง ESG ครอบคลุมทั้ง สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และธรรมาภิบาล (Governance) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 

SO มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล เรามุ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ ในการเลือก SO เป็นคู่ค้าที่ยั่งยืน” คุณกัณธิมากล่าว 

การได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของ SO ในการเป็นผู้นำด้าน Outsourcing Solutions ที่ดำเนินธุรกิจตามมาตรฐาน ESG ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืน 

SO จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยยกระดับมาตรฐานการทำงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคม เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย 

หมายเหตุ: ข่าวประชาสัมพันธ์นี้จัดทำขึ้นเพื่อการให้ข้อมูลเท่านั้น มิได้มีเจตนาชักชวนหรือเชิญชวนให้ลงทุน ผู้สนใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน 

ดูรายชื่อหุ้นยั่งยืนเพิ่มเติมได้ที่: setsustainability.com

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

7กลยุทธ์ การพัฒนาองค์กร สูตรสำเร็จ สำหรับองค์กรยุคใหม่

องค์กรของคุณกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอะไรอยู่? การแข่งขันที่รุนแรง เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือปัญหาภายในองค์กรเอง? หากคำตอบคือใช่ การพัฒนาองค์กร (Organizational Development) อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ไขปริศนาเหล่านี้ได้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีการที่องค์กรใช้ในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมเจาะลึกถึงบทบาทสำคัญของ SO ที่จะมาช่วยยกระดับองค์กรของคุณให้ก้าวไปข้างหน้า 

การพัฒนาองค์กร คืออะไร? 

การพัฒนาองค์กร (Organizational Development) คือกระบวนการที่มุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง เป้าหมายของการพัฒนาองค์กรคือการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร การพัฒนาองค์กรที่มีประสิทธิภาพต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) ค่านิยมหลัก (Core Value) และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (Strategic Goal) ขององค์กร 

องค์ประกอบสำคัญใน การพัฒนาองค์กร 

  • การพัฒนาบุคลากร (People Development) 
    บุคลากรเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาองค์กร การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน พัฒนาจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง จะช่วยให้พนักงานมีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงาน รวมถึงสามารถปรับตัวเข้ากับความท้าทายใหม่ๆ ได้ดีขึ้น การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรยังเป็นการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรอีกด้วย 
  • การพัฒนากระบวนการทำงาน (Process Development)
    การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อน และทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความผิดพลาดและลดเวลาที่ใช้ในการทำงาน ทำให้การทำงานมีความคล่องตัวและประสิทธิภาพสูงขึ้น 
  • การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร (Culture Development) 
    การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการเรียนรู้ การปรับตัว และการทำงานร่วมกัน ช่วยให้พนักงานรู้สึกมีความสุขในการทำงานและสามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มความจงรักภักดีและแรงจูงใจของพนักงาน ทำให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

กลยุทธ์ที่ช่วยใน การพัฒนาองค์กร 

1. การวิเคราะห์องค์กร และวางแผนพัฒนา (Organizational Analysis and Development Planning) 

การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาที่ชัดเจน การวางแผนพัฒนาที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

2. การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ (Learning Culture Development)

การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในองค์กรเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ วัฒนธรรมการเรียนรู้สามารถสร้างได้ผ่านกิจกรรม เช่น การจัดอบรม การแลกเปลี่ยนความรู้ในทีม และการให้โอกาสพนักงานได้ทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว 

3. การมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Participation)

การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จมักเกิดจากการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน การเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์กร

ตัวอย่าง ผู้บริหารให้พนักงานทุกระดับมีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในองค์กร  

4. การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาองค์กร (Technology Integration)

การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดเวลาการทำงานที่ซ้ำซ้อน การใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสื่อสาร การจัดการโครงการ และการติดตามผลการทำงาน ช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็วและมีระบบมากขึ้น 

ตัวอย่าง องค์กรการค้าปลีกระหว่างประเทศที่มีกลุ่มเครือข่ายครอบคลุมกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีปัญหาในการดาวน์โหลดไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น การดาวน์โหลดแต่ละครั้ง ใช้เวลานานมากเกินไป และเป็นงานที่ต้องทำซ้ำๆ จึงได้นำระบบ RPA หรือ Robotic Process Automation เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการทำงานแบบอัตโนมัติทั้งกระบวนการแบบ 100% ลดการทำงานของพนักงานกว่า 80% ลดความผิดพลาดในกระบวนการ 100% แถมยังช่วยให้กระบวนการทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม 10เท่า ศึกษาเพิ่มเติม คลิก 

5. การปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม (Restructuring for Flexibility)

การปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงและมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้องค์กรตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอกได้อย่างรวดเร็ว การมีโครงสร้างที่เรียบง่ายช่วยลดความซับซ้อนในการทำงาน และทำให้ทีมงานสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น

ตัวอย่าง องค์กรปรับโครงสร้างจากหลายชั้นการบังคับบัญชาเป็นทีมเล็กๆ ที่ยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและลดความซับซ้อนในการทำงาน 

6. การพัฒนาผู้นำ (Leadership Development)

ผู้นำที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การพัฒนาผู้นำผ่านการฝึกอบรมและโค้ชชิ่ง เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้องตามวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร ช่วยให้ผู้นำสามารถสร้างแรงบันดาลใจและนำพาทีมงานไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

7. การประเมินผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Evaluation and Improvement)

การพัฒนาองค์กรต้องมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ที่ใช้ สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นได้ผล ประสบความสำเร็จหรือไม่ ตลอดจนศักยภาพของบุคลากรที่ทำนั้นเป็นอย่างไร การนำข้อมูลจากการประเมินมาปรับปรุงกระบวนการทำงานจะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างบรรทัดฐานในการวัดมาตรฐาน และช่วยพัฒนาให้องค์กรก้าวหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง 

กลยุทธ์ภายนอกที่ช่วยใน การพัฒนาองค์กร 

  • การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร (Strategic Partnerships)
    การพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรหรือองค์กรอื่นๆ สามารถช่วยเพิ่มทรัพยากร ความรู้ และโอกาสในการเติบโต การเลือกพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกันช่วยสนับสนุนการพัฒนาองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 
  • การใช้ทรัพยากรภายนอก (Outsourcing)
    การนำทรัพยากรหรือบริการจากภายนอกเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นการจัดสรรทรัพยากร เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคลากรในตำแหน่งต่างๆที่เหมาะสม  
  • การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ (Adopting New Technologies)
    การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาจากแหล่งภายนอกมาใช้ในองค์กรช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น ระบบอัตโนมัติหรือแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล 
  • การสำรวจตลาดและการวิจัยภายนอก (Market Research and External Analysis)
    การเข้าใจแนวโน้มและความต้องการในตลาดช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ การใช้ข้อมูลจากแหล่งวิจัยภายนอกช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนกลยุทธ์ 
  • การพัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility – CSR)
    การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคมช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือขององค์กร การทำกิจกรรม CSR ร่วมกับองค์กรพันธมิตรหรือชุมชนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 
  • การเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ (Accessing Expert Networks)
    การทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกช่วยให้องค์กรได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และมุมมองใหม่ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนองค์กร 

บทบาทของ SO (Siamrajathanee Outsourcing) ใน การพัฒนาองค์กร 

SO (Siamrajathanee Outsourcing) มีบทบาทสำคัญในการช่วยองค์กรพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการให้บริการ Outsourcing ในด้านต่างๆ ที่สนับสนุนการพัฒนาองค์กร มาเสริมการทำงาน โดย SO เข้ามามีส่วนในการร่วมคิด กำหนดกลยุทธ์องค์กร และนโยบายต่างๆ หรือเรียกได้ว่าเป็น Strategic Partnerให้กับลูกค้า อาทิเช่น  

การจัดหาบุคลากร (Workforce Outsourcing)

SO ช่วยองค์กรในการจัดหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น IT, บริการลูกค้า, และงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้าน การมีบุคลากรที่มีคุณภาพและพร้อมทำงานช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่งานหลักและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว 

ตัวอย่าง บริษัทใช้บริการ Workforce Outsourcing จาก SO เพื่อจัดหาช่างสำหรับ Project ที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติม ทำให้บริษัทสามารถเริ่มโครงการได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการสรรหาและฝึกอบรมเอง หากคุณสนใจ สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ : SOPEOPLE 

การจัดการกระบวนการธุรกิจ (BPO – Business Process Outsourcing)

SO ช่วยองค์กรในการจัดการกระบวนการธุรกิจที่ซับซ้อน เช่น การบริหารจัดการบัญชี การดูแลลูกค้า และการจัดการข้อมูล ซึ่งช่วยลดภาระการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน 

ตัวอย่าง บริษัทหนึ่งใช้บริการ BPO จาก SO เพื่อจัดการงานบัญชีและการเงิน ทำให้ทีมงานภายในสามารถมุ่งเน้นไปที่การวางแผนกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ คลิก! เพื่อศึกษาเรื่อง BPO เพิ่มเติม

การจัดการกระบวนการปฏิบัติการ (Operation Process Management)

SO มีบทบาทในการเข้าไปมีส่วนร่วม รับฟังปัญหา และหา Solution เพื่อนำมาแก้ไขและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ 

ตัวอย่าง บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเคลมประกัน ที่ต้องรวดเร็วเพื่อเป็นจจุดแข่งขันที่ทำให้เหนือคู่แข่ง SO รับโจทย์นี้และเข้ามาวิเคราะห์กระบวนการทำงาน ปรับปรุงระบบการจัดการเอกสารโดยนำทรัพยากรที่ทางบริษัทมี ร่วมกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ และลดข้อผิดพลาดจากการทำงานแบบแมนนวล ส่งผลให้กระบวนการเคลมรวดเร็วขึ้น และองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในได้อย่างชัดเจน 

การใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพ (Tech-Enabled Outsourcing)

SO นำเทคโนโลยีมาช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงานขององค์กร เช่น  การใช้ระบบอัตโนมัติ (RPA) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น 

ตัวอย่าง บริษัทใช้บริการ RPA จาก SO เพื่อลดงานที่ต้องทำซ้ำๆ ในกระบวนการทำบัญชี ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์เชิงลึกได้มากขึ้น  

ผลลัพธ์ของการพัฒนาองค์กรที่มีประสิทธิภาพ 

การเติบโตอย่างยั่งยืน องค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า 

เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน การให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและพึงพอใจในการทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มความจงรักภักดีและประสิทธิภาพในการทำงาน 

ความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง องค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะมีความพร้อมในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สรุปสาระสำคัญของบทความ

การพัฒนาองค์กร คือกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการเติบโต การพัฒนาองค์กร ที่ดีจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จและความยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

หากองค์กรของคุณต้องการเติบโตอย่างมั่นคง การพัฒนาองค์กรคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถแข่งขันและยืนหยัดต่อการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยการร่วมมือกับ SO ในการจัดหา Outsourcing และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ องค์กรของคุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระงาน และเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

SO “สร้างโอกาสเพื่อสังคมที่เท่าเทียม”

siamrajathanee-so-csr
SO มีความยินดี ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ
  • การสร้างอาชีพ
  • สร้างทักษะ
  • สร้างประสบการณ์
ให้กับสังคมไทย
 
โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังทางสังคม เชื้อชาติ หรือเพศสภาพ
เพื่อให้ทุกคนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยุติธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เป็น “การสร้างโอกาสเพื่อสังคมที่เท่าเทียม” หนึ่งในหมุดหมายของ SO

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ร่วมบริจาคเงินสมทบทุน ให้กับ ศิริราชมูลนิธิ (Siriraj Foundation) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

คณะกรรมการบริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO
ร่วมบริจาคเงินสมทบทุน ให้กับ ศิริราชมูลนิธิ (Siriraj Foundation) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเงินจำนวน 1,500,000 บาท เมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
SO_Outsourcing_2
SO_Outsourcing_3
SO_Outsourcing_4
siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

ใช้ E-Document ก้าวแรกสู่การ Digital Transformation องค์กร

Digital Transformation องค์กร_E Document
Digital Transformation องค์กร คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงานขององค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ แม้ว่าแนวคิดนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนของธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่เพียงแค่การใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับปรุงวิธีคิด วิธีทำงาน และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
แม้ว่านวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Tech), Blockchain และ Internet of Things (IoT) จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง การจะเริ่มต้นปรับเปลี่ยนองค์กรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังไม่สาย องค์กรสามารถเริ่มต้นจากการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง เพื่อวางแผนการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเหมาะสม การลงทุนในด้านนี้จะไม่เพียงช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว แต่ยังเปิดโอกาสให้สามารถสร้างนวัตกรรมและเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ Digital Transformation จึงเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรต้องใส่ใจและนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
 

Digital Transformation องค์กร เริ่มจากอะไรดี?

สำหรับองค์กรที่ต้องการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) หนึ่งในขั้นตอนแรกที่สามารถทำได้ง่ายและเห็นผลชัดเจนคือการเริ่มจากการเปลี่ยนเอกสารกระดาษเป็นเอกสารดิจิทัล (E-Document) การนำเอกสารเข้าสู่ระบบดิจิทัลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้กระดาษและพื้นที่จัดเก็บ แต่ยังเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาเอกสารอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดการเอกสารแบบดิจิทัลยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล และลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือการเสื่อมสภาพของเอกสาร การเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเอกสารเป็นดิจิทัลจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการนำพาองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เช่น การจัดการงาน การติดตามการทำงาน และการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

E-Document คืออะไร? ทำไมจึงเหมาะกับการ Transformation องค์กร

E-Document หรือ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ คือ การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงและจัดการผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์นี้สามารถรวมถึงไฟล์ที่เป็นรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ เสียง และข้อมูลอื่น ๆ ที่ถูกแปลงเป็นรูปแบบดิจิทัล ซึ่งสามารถเก็บรักษาและจัดการได้ง่ายกว่าการใช้เอกสารกระดาษแบบเดิม การนำ E-Document มาใช้จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับการ Transformation องค์กรสู่ยุคดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานในองค์กร.

ประโยชน์ของการใช้ E-Document

  1. การประหยัดต้นทุน
    การใช้ E-Document ช่วยลดการใช้กระดาษในองค์กร ซึ่งเป็นการประหยัดต้นทุนในด้านการซื้อกระดาษ หมึกพิมพ์ และค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสาร นอกจากนี้ยังลดความจำเป็นในการใช้พื้นที่สำหรับจัดเก็บเอกสารในสำนักงาน ทำให้สามารถใช้พื้นที่นั้นสำหรับวัตถุประสงค์อื่น ๆ ได้
  2. ความปลอดภัยของข้อมูล
    ระบบ E-Document สามารถเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลได้มากกว่าการเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษ โดยสามารถตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และสามารถติดตามการเข้าถึงและการแก้ไขข้อมูลได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลยังช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือความเสียหายของเอกสาร เช่น การเกิดไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการสูญหายจากความผิดพลาดของมนุษย์
  3. การค้นหาและเรียกใช้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว
    การจัดเก็บเอกสารในรูปแบบดิจิทัลช่วยให้การค้นหาและเรียกใช้ข้อมูลสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ผ่านการใช้คำค้นหา (keyword) หรือการจัดหมวดหมู่ของเอกสาร ทำให้ลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาเอกสารแบบกระดาษที่อาจใช้เวลานาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน
  4. การทำงานร่วมกัน
    E-Document ช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่พนักงานอยู่ในสถานที่ที่ต่างกัน ระบบสามารถทำให้เอกสารสามารถเข้าถึงและแก้ไขได้แบบเรียลไทม์จากหลายคนพร้อมกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมและลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานแบบแยกส่วน
  5. การปรับตัวต่อการทำงานทางไกล
    การใช้ E-Document เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการทำงานทางไกล (Remote work) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคปัจจุบัน พนักงานสามารถเข้าถึงเอกสารที่จำเป็นในการทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานขององค์กรสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ที่พนักงานไม่สามารถมาทำงานที่สำนักงานได้

การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง

การนำ E-Document มาใช้ในองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดเก็บข้อมูล แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานขององค์กรด้วย ดังนั้น การเตรียมความพร้อมก่อนการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

  1. การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
    ก่อนการนำ E-Document มาใช้ องค์กรควรทำการศึกษาว่าเทคโนโลยีใดเหมาะสมกับความต้องการและโครงสร้างขององค์กร เช่น ระบบการจัดการเอกสาร (Document Management System : DMS) ที่มีความสามารถในการจัดเก็บ ค้นหา และบริหารจัดการเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถรองรับการทำงานร่วมกันของทีมได้
  2. การฝึกอบรมพนักงาน
    การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานต้องการการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจและสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกอบรมนี้ควรรวมถึงการสอนวิธีการใช้งานระบบ E-Document การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และการปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานใหม่
  3. การจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management)
    การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลต้องการการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลง การสื่อสารอย่างชัดเจนเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้ E-Document และการสนับสนุนจากผู้บริหารจะช่วยลดความกังวลและความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน

กรณีศึกษา : องค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ E-Document

หลายองค์กรที่นำระบบ E-Document มาใช้ได้แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ให้บริการทางการเงินแห่งหนึ่งได้นำระบบ E-Document มาใช้ในการจัดเก็บและจัดการเอกสารทางการเงินของลูกค้า ทำให้สามารถลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาเอกสารได้ถึง 50% และลดความผิดพลาดในการจัดเก็บเอกสารได้อย่างมาก

อีกตัวอย่างหนึ่งคือองค์กรด้านการผลิตที่ใช้ E-Document ในการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพ ทำให้สามารถตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีขึ้นและลดของเสียจากกระบวนการผลิต

การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

การนำ E-Document มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว โดยการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น กระดาษ และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตและขนส่งเอกสาร นอกจากนี้ การใช้ E-Document ยังสอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business) ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของหลายองค์กรในปัจจุบัน

สรุป

การใช้ E-Document ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยการประหยัดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน องค์กรสามารถเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมั่นใจ การนำ E-Document มาใช้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัลได้ แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนและความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บริการบริหารข้อมูล ภายในองค์กร และจัดหาพนักงาน IT Outsource

So Next มุ่งเน้นให้บริการด้าน Lean Transformation และ Digitalization ในองค์กร ผ่านการให้คำปรึกษา ออกแบบกระบวนการ ค้นหาเครื่องมือที่เหมาะสม และบริหารโครงการ โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถโฟกัสที่ธุรกิจหลัก ปรับขนาดธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น ลดความเสี่ยง และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในองค์กร

สนใจบริการ
siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

เหนือ คู่แข่งขันทางธุรกิจ ด้วย Outsourcing วิธีคิดใหม่ที่ช่วยให้คุณสามารถอยู่รอดใน ยุค Disruption พร้อมกรณีศึกษา

SO-สยามราชธานี-Siamrajathanee-Outsource-คือ-Outsourcing-Assistants-Consultant - Service-Solution - disruption era cover

ในโลกแห่งการแข่งขันที่รุนแรง และการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวสู่รูปแบบใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Outsourcing กำลังกลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเพิ่มขีดความสามารถ ลดต้นทุน และสร้างความคล่องตัวให้ธุรกิจ เพื่อการขึ้นไปอยู่เหนือ คู่แข่งขันทางธุรกิจ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึง 5 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ Outsourcing เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมด้วยกรณีศึกษาจากองค์กรชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การแก้ปัญหาขาดแคลนทักษะไอที การปรับโครงสร้างองค์กรให้ยืดหยุ่น ไปจนถึงการหา Strategic Partner เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับความสำเร็จจากลูกค้าของ สยามราชธานี ที่นำ Outsourcing มาใช้อย่างสร้างสรรค์ ยกระดับการผลิต การขนส่ง การบริการลูกค้า และอีกมากมาย ซึ่งจะช่วยจุดประกายความคิดให้คุณนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจของคุณเอง 

SO-สยามราชธานี-Siamrajathanee-Outsource-คือ-Outsourcing-Assistants-Service-Solution - disruption era

5 ปัจจัยที่ผลักดันเทรนด์ Outsourcing สร้างการอยู่เหนือ คู่แข่งขันทางธุรกิจ

Outsourcing กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในวงการธุรกิจไทย จากแรงผลักดันของกระแสดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องปรับตัวสู่รูปแบบการทำงานและการให้บริการแบบใหม่ การใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกจึงกลายเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในการเพิ่มความคล่องตัว ลดต้นทุน และเสริมขีดความสามารถเหนือ คู่แข่งขันทางธุรกิจ ท่ามกลางความท้าทายใหม่ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เทรนด์ Outsourcing เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในระยะต่อไป ซึ่งประกอบด้วย 5 ปัจจัยหลักดังนี้ 

1.การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง

ปัญหาการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือ โดยเฉพาะในสายงานดิจิทัลและไอที เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทไทยจำนวนมากหันมาใช้บริการ Outsource เพื่อเสริมทีมงานให้มีศักยภาพเพียงพอ ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน ระบบ Cloud และ Big Data Analytics 

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ระบุว่า ในปี 2563 ประเทศไทยขาดแคลนบุคลากรด้าน ICT ราว 3.5 หมื่นคน และในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 แสนคน ทำให้หลายบริษัทจำเป็นต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เพื่อให้มีกำลังคนที่เพียงพอต่อการแข่งขันทางธุรกิจ 

กรณีศึกษา:
โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ได้ใช้บริการ Outsource ในการพัฒนาแพลตฟอร์มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ร่วมกับสตาร์ทอัพด้านดิจิทัลเฮลท์ ช่วยให้สามารถให้บริการและคำปรึกษาผู้ป่วยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านระบบออนไลน์ 

2.การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและกำแพงภาษีระหว่างประเทศ บริษัทไทยจำเป็นต้องลดต้นทุนการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถตั้งราคาแข่งขันในตลาดได้ การใช้บริการ Outsource จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยควบคุมต้นทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารองค์กร 

โดยเฉพาะในธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ การ Outsource ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากต้นทุนค่าจ้างที่ต่ำกว่า และสิทธิประโยชน์ในเขตส่งเสริมการลงทุน มาเป็นข้อได้เปรียบในการส่งออก 

กรณีศึกษา:
บริษัทผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET รายใหญ่ของโลก ได้ใช้กลยุทธ์ Outsource ในการขยายกำลังการผลิตทั่วโลก โดยร่วมมือกับโรงงานรับจ้างผลิตในประเทศที่มีต้นทุนถูก ช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาคได้รวดเร็ว และมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนตามสถานการณ์ 

3.การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มความคล่องตัว

องค์กรธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องมีความคล่องตัวและปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุค Disruption บริษัทไทยจำนวนมากจึงใช้ Outsourcing ในการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อลดขนาดพนักงานประจำ และเพิ่มสัดส่วนการใช้บริการภายนอก ซึ่งช่วยให้สามารถปรับกำลังคนให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น 

นอกจากนี้ การ Outsource ยังช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงทักษะเฉพาะทางที่ไม่มีภายใน และสามารถทดลองทำโปรเจกต์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผูกมัดกับบุคลากรประจำ ซึ่งมีต้นทุนในการจ้างงานและพัฒนาสูง 

กรณีศึกษา:
ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทย ได้เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่การเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มครบวงจร โดยใช้บริการ Outsource ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและคอนเทนต์ที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการเติบโตก้าวกระโดดในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา 

4.การเปลี่ยนโมเดลสู่องค์กรสมรรถนะสูงเพื่อเหนือกว่าคู่แข่ง

ในยุคที่องค์กรต้องแข่งขันด้วยนวัตกรรมและบริการที่เหนือชั้น การใช้ Outsource จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือในการลดต้นทุนอีกต่อไป แต่กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพองค์กร โดยช่วยให้มุ่งเน้นไปที่ภารกิจหลัก (Core Business) และจุดแข็งที่สร้างความแตกต่าง ขณะที่งานสนับสนุนอื่นๆ สามารถใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก 

การ Outsource ในยุคใหม่จึงอยู่บนพื้นฐานของการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ (Business Partnership) ที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถองค์กร ผ่านการแลกเปลี่ยนและพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกัน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ จากผู้ให้บริการ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น 

กรณีศึกษา:
ผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารรายหนึ่งของไทย ได้ใช้กลยุทธ์ Specialized Outsourcing ในการเปลี่ยนผ่านจาก “ผู้ขายเครื่อง” สู่การเป็น “ผู้ให้บริการโซลูชันด้านเอกสารครบวงจร” โดยร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ จนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง 

5.การเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล 

วิกฤต COVID-19 เป็นตัวเร่งให้องค์กรธุรกิจไทยต้องปรับตัวสู่ระบบดิจิทัลอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่ออนไลน์มากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการบริการ Outsource ด้านเทคโนโลยีและไอทีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

การใช้ระบบ Cloud, Data Analytics และ AI จากผู้ให้บริการภายนอก ช่วยให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานสู่รูปแบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และมีความปลอดภัยสูง ขณะเดียวกันก็ช่วยสนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดรับกับความต้องการของตลาด ส่งผลให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้แม้ในช่วงวิกฤต 

กรณีศึกษา:
ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของไทย ได้หันมาใช้กลยุทธ์ Outsourcing เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล ทั้งในด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ระบบบริหารคลังสินค้าและห่วงโซ่อุปทาน ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และระบบ Online to Offline ซึ่งช่วยให้สามารถรักษายอดขายและขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤต COVID-19

SO-สยามราชธานี-Siamrajathanee-Outsource-คือ-Outsourcing-Assistants-Service-Solution - disruption era case

กรณีศึกษาความสำเร็จจาก สยามราชธานี 

นอกจากกรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมต่างๆ ข้างต้นแล้ว ในฐานะผู้ให้บริการ Outsource ชั้นนำของไทยอย่างบริษัทสยามราชธานี ก็มีตัวอย่างความสำเร็จในการช่วยลูกค้าปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรผ่านการใช้ Outsource ที่น่าสนใจหลายกรณี อาทิ 

กรณีศึกษา: บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินแห่งหนึ่ง ได้ Outsource งานด้านเอกสาร และกระบวนการให้บริการลูกค้า (Documentation & Customer Workflow) บางส่วนให้กับ สยามราชธานี ทำให้สามารถเพิ่ม Productivity ได้มากกว่า 300% และมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้มีรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นแต่ยังคงจำนวนพนักงาน Core Function เท่าเดิม 

กรณีศึกษา: บริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์์์ ได้ใช้บริการ Business Process Outsource (BPO) จาก สยามราชธานี ในการทำหน้าที่สรรหาคัดสรร และฝึกอบรมทักษะบุคลากร สำหรับแผนกทดสอบผลิตภัณฑ์ (Product Testing) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการ Scale Up / Down พนักงานได้ตามต้องการ, ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเพิ่มความรวดเร็วในการทดสอบคุณภาพและนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น  

กรณีศึกษา: ผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่ที่วางแผนขยายจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 30% ได้เลือกใช้บริการ Workforce Outsource จากสยามราชธานี ในตำแหน่งงานต่างๆ เช่น เจ้าหน้าที่ต้อนรับ (Reception), เจ้าหน้าที่ธุรการ (Admin), เจ้าหน้าที่การตลาดกิจกรรม (Event Marketing) และเจ้าหน้าที่บริการที่จอดรถ (Valet Parking) โดยสยามราชธานีรับหน้าที่สรรหา ฝึกอบรม และบริหารจัดการบุคลากรเหล่านี้ตามมาตรฐานที่กำหนด ช่วยให้ลูกค้าสามารถรองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนและเวลาในการบริหารทรัพยากรบุคคลได้อีกด้วย 

บทสรุปการแข่งขันธุรกิจในยุค Disruption 

ในยุค Disruption ที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง Outsourcing กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ Outsourcing เติบโต ได้แก่ การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก ความจำเป็นในการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว การมุ่งสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล 

กรณีศึกษาจากหลากหลายอุตสาหกรรมและประสบการณ์ของบริษัท สยามราชธานี แสดงให้เห็นว่า การใช้บริการ Outsource อย่างเหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงทักษะเฉพาะทาง การเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารทรัพยากร หรือการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล 

ในท้ายที่สุด Outsourcing ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการลดต้นทุน แต่ยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก พัฒนานวัตกรรม และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุค Disruption 

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

Outsourcing ผู้ช่วยมืออาชีพ สู่ความสำเร็จระยะยาว

SO สยามราชธานี Siamrajathanee Outsource คือ Outsourcing Service Solution
Outsourcing ตัวช่วยในการบริหารธุรกิจ ในยุคที่การแข่งขันเต็มไปด้วยความท้าทาย ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวและมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพอยู่เสมอ หนึ่งในกลยุทธ์ที่หลายธุรกิจเริ่มให้ความสนใจ คือ การใช้บริการ “บริษัท Outsource” ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถโฟกัสไปที่ความเชี่ยวชาญและงานหลักได้อย่างเต็มที่

Outsourcing คืออะไร ?

Outsource คือ การจ้างบุคคลหรือบริษัทภายนอกที่มีความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ เข้ามาทำงานแทนให้ทั้งหมด หรือบางส่วน โดยที่ไม่ต้องมีผลกระทบต่อการดำเนินงานในภาพรวมขององค์กรภายใน ลองนึกภาพว่า…

  • คุณมีร้านอาหาร แต่ไม่มีเชฟ คุณอาจจ้างเชฟมืออาชีพจากร้านอื่นมาทำอาหารให้
  • คุณมีเว็บไซต์ แต่ไม่มีทีมเขียนโปรแกรม คุณอาจจ้างบริษัทรับเขียนโปรแกรมมาสร้างเว็บไซต์ให้
  • คุณมีธุรกิจ แต่ไม่มีทีมการตลาด คุณอาจจ้างบริษัทรับทำการตลาดมาช่วยโปรโมท
  • คุณมีห้างสรรพสินค้า แต่ไม่มีพนักงานที่จะคอยให้ข้อมูล ดูแล และบริการลูกค้าของคุณ คุณจึงต้องจ้างพนักงานเหล่านี้มาคอยจัดการ
  • คุณมีโรงงาน มีคนงานที่ต้องควบคุมดูแล แต่คุณไม่มีพนักงานคอยจัดการเอกสาร คุณอาจจ้างบริษัทหรือพนักงานที่คอยจัดการเอกสารให้

Outsourcing ช่วยธุรกิจคุณได้อย่างไร

  1. ลดความเสี่ยง

    • ต้นทุน การใช้ บริษัทoutsource ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยงในเรื่องของต้นทุนที่อาจจะเกิดข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ้างพนักงาน การเลิกจ้าง การอบรมต่างๆ รวมถึงค่าสวัสดิการอื่น ๆ เมื่อคุณใช้ บริการOutsource จะทำให้ต้นทุนของคุณคงที่ เรียกง่ายๆคือ “ แค่จ่าย แล้วจบ ” ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น

    • ความเสียหาย การดำเนินงาน ข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ผิดพลาดของบุคลากร การหยุดชะงักของการดำเนินงานจากการขาดแคลนบุคลากร การทุจริต การเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัท และทุกความเสียหายที่เกิดจากพนักงานบริษัทOutsource จะรับผิดชอบให้คุณ

    • การควบคุมพนักงาน ทั้งพฤติกรรมพนักงาน การละเลยหน้าที่ ทำงานไม่เต็มความสามารถ การฝ่าฝืนกฎระเบียบของบริษัท เช่น การมาสาย ลาป่วยโดยไม่มีเหตุผล การขาดงาน การลาออกแบบกะทันหัน เมื่อคุณใช้บริษัท Outsource จะบริหารจัดการให้คุณทุกขั้นตอนทำให้คุณหมดกังวลกับปัญหาเหล่านี้
  2. ความยืดหยุ่นในการปรับขนาด เมื่อธุรกิจของคุณต้องใช้พนักงานในจำนวนที่ไม่คงที่ ไม่เท่ากันในแต่ละช่วง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทั้งเรื่องการวางแผน ค่าใช้จ่าย การหาพนักงานและอื่นๆ ซึ่ง outsource จะช่วยให้บริษัทสามารถปรับขนาดการดำเนินงาน ขึ้นหรือลง ได้ตามความต้องการ พร้อมช่วยในการวางแผนและบริหารจัดการให้คุณอย่างเต็มที่
  3. โฟกัสที่ธุรกิจหลัก การจัดสรรงานบางอย่างที่คุณไม่ถนัด ไม่มีเวลา ให้กับผู้ให้บริการภายนอก หรือบริษัทOutsource ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ แบบที่ไม่มีในองค์กร โดยไม่ต้องลงทุนทั้งเรื่องของเวลา และ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน ช่วยให้บริษัทสามารถโฟกัสที่กิจกรรมหลัก และพัฒนาความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด
  4. Innovation ผู้ให้บริการ outsource ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมมอบ Innovation รวมถึงการผสมผสานการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ที่ อาทิเช่น ระบบบริหารจัดการ Time Attendance , ระบบบริหารจัดการ เอกสาร , ระบบบริหารจัดการเรื่องรถในองค์กร ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หลักในการเลือก บริษัท Outsource​​

  1. ความเชี่ยวชาญ ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่คุณต้องการ ทั้งนี้ต้องมีประสบการณ์ และ ความสามารถที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมนั้น

  2. ความยืดหยุ่น บริษัทที่เลือกควรมีความยืดหยุ่น และ สามารถปรับแปลงบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจคุณได้​

  3. ระบบการรายงานและการสื่อสาร การมีระบบการรายงานและการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถติดตามความคืบหน้าและผลลัพธ์ของการทำงานได้อย่างชัดเจน​

  4. มาตรฐานการบริการและคุณภาพ ควรมองหาผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานการบริการ และ คุณภาพงาน ที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งอาจรวมถึงการได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง​​

  5. ต้นทุนและความคุ้มค่า การพิจารณาต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรเปรียบเทียบกับคุณภาพและประโยชน์ที่ได้รับจากการ outsource เพื่อให้แน่ใจว่าคุ้มค่ากับการลงทุน​​

  6. การรักษาความปลอดภัยข้อมูล ในยุคดิจิทัลนี้ ความปลอดภัยข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรการความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวดและชัดเจน​​

  7. การมีส่วนร่วมและการเป็น “พาร์ทเนอร์” ควรมองหาผู้ให้บริการที่พร้อมที่จะทำงานร่วมกันแบบพาร์ทเนอร์ ที่ไม่เพียงแค่เป็นผู้ให้บริการ แต่ต้องช่วยกันคิด วางแผน พัฒนา เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน

ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะอยู่ในขั้นตอนไหนของการเติบโต การพิจารณาใช้บริการ Outsourcing คือการลงทุนที่คุ้มค่า ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเลือกใช้บริการ Outsourcing ที่เหมาะสม เปรียบเสมือนผู้ช่วยมืออาชีพที่เข้ามาแบ่งเบาภาระ ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานหลักได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับงานด้านอื่นๆ ที่ไม่ถนัด   ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุน พร้อมกับเข้าถึงความเชี่ยวชาญที่ไม่มีในองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างดี

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"

Outsourcing service ตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนเกมส์ธุรกิจ

SO สยามราชธานี Siamrajathanee Outsource คือ Outsourcing Service Solution business_change

ในปัจจุบันโลกหลายธุรกิจถูก Disrupt ด้วยเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอุปโภคบริโภค ธุรกิจการขนส่ง และโดยเฉพาะธุรกิจการผลิต ซึ่งการพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้หลายองค์กรต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งในด้านของการบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กรรวมไปถึงการปรับกลยุทธ์ หันมาใช้บริการ Outsourcing service ที่สามารถตอบโจทย์การทำ Scalability ที่องค์กรสามารถปรับขนาดทั้งในแนวตั้ง และแนวนอนได้อย่างคล่องตัว ซึ่ง บริษัท Outsource ในปัจจุบันนอกจากมีความชำนาญในเรื่องต่างๆแล้วยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กรได้   

บริการ Outsourcing service มีข้อดีอะไรบ้าง 

Outsource ในปัจุบัน มีการพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ องค์กรมากขึ้นทั้งการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร การนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาระบบต่างๆ ที่ทำให้การบริการมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน เช่น แอพลิเคชั่นสำหรับตรวจเช็คเวลาทำงาน โปรแกรมเฉพาะทางที่เข้ามาช่วยให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้บริการ บริษัท Outsource มีข้อดีมากมาย แต่ Benefit ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้บริการ Outsourcing service มีดังนี้ 

1.ตอบโจทย์การทำธุรกิจในปัจจุบัน 

การทำธุรกิจในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การที่องค์กรจะปรับกลยุทธ์ให้ทันตามความต้องการของตลาดจะต้องมีความคล่องตัวสูง ซึ่งการใช้ Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยออกแบบกลยุทธ์ จะช่วยให้องค์กรทำ Lean Organization ในกระบวนการต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์การทำธุรกิจในปัจจุบัน  

ตัวอย่างเช่น องค์กรของคุณมีแผนที่จะทำ Event Marketing ที่ต้องการพนักงานจำนวนมากและต้องการสัญญาแบบระยะสั้น บริการ Outsource จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่อง การสรรหาพนักงานที่มีความสามารถในจำนวนมากและหมดปัญหาเรื่องระยะเวลาของสัญญางาน เพราะ ผู้ให้บริการ Outsource จะเป็นผู้ดูและละบริหาแทนองค์กรทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้องค์กรบริหารงานได้ง่ายขึ้นแล้วยังช่วยให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการที่องค์กรสรรหาพนักงานด้วยตัวเอง 

2.ช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุน 

ประหยัดต้นทุนในการจ้างพนักงานประจำรวมไปถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวและลดระยะเวลาในการ สรรหา บุคลากร ฝึกอบรมความรู้ความสามรถในสายงาน นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนในการบริหารทรัพยากต่างๆได้ดียิ่งขึ้น และโฟกัสไปที่งานหลักของธุรกิจได้อย่างเต็มที่  

ตัวอย่างเช่น องค์กรของคุณต้องการนักพัฒนาโปรแกรมหรือแอพลิเคชั่น แต่ไม่มีทีม IT ภายในองค์กรเลยการเลือกใช้บริการ Outsourcing service จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน IT และลดระยะเวลาในเรียนรู้งาน เพราะพนักงาน IT ที่มาจากบริษัท Outsource จะมีประสบการณ์และความชำนาญในสายงานและสามารถเริ่มงานได้ทันที ซึ่งองค์กรสามารถเลือกได้ว่าต้องการพนักงาน IT ระดับใดเช่น Junier Senier หรือ Manager นอกจากนี้ยังเป็นการลดความเสี่ยงในการคัดเลือกพนักงานที่ไม่ตรงตามความต้องการอีกด้วย  

3.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 

พนักงานของบริษัท Outsource นอกจากจะผ่านการคัดเลือกหลายขึ้นตอนแล้ว ทางบริษัทยังมีการอบรมพัฒนาความรู้ความสามรถตามสายงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พนักงานมีเกณฑ์มาตตรฐานตรงตามควมต้องการของลูกค้า นอกจากนี้พนักงานยังผ่านประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำต่างๆมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้บริษัท Outsource ยุคใหม่ยังหันมาพัฒนาเทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น ยิ่งช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  

4.มุ่งเน้นไปที่ Core Business 

การให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลงานแทนนอกจากจะช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนด้านเวลา ค่ามใช้จ่าย และมีประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆแล้ว ยังทำให้องค์กรสามารถทุ่มทรัพยากรและกำลังคนเข้าไปโฟกัสที่งานหลักขององค์รกได้อย่างเต็มที่ 

ตัวอย่างเช่น องค์กรขอคุณต้องการทีมเข้ามาดูแลเรื่องการเดินทางของพนักงานไปยังสถาณที่ต่างๆ จากเดิมที่องค์กรต้องหารถส่วนกลางแล้วให้พนักงานแผนกต่างๆเดินทางไปกันเอง ซึ่งงานลักษณะเหล่านี้องค์หรจะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด ทั้งในเรื่องความปลอดภัย ทรัพย์สินทั้งตัวพนักงานและอื่นๆ รวมไปถึงประสิทธิภาพของงานอาจะไม่ได้ตรงตามความต้องการ แต่ถ้าหากให้ บริษัท Outsource ที่มีความชำนาญในเรื่อง พนักงานขับรถ เข้ามาดูแลแทน จะช่วยให้องค์กรหมดห่วงกับเรื่องการเดินทาง ความเสี่ยงต่างๆและให้พนักงานในแผนกที่เกี่ยวข้องสามารถโฟกัสกับงานหลักได้อย่างเต็มที่อีกด้วย 

5.เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ 

กลยุทธ์การใช้บริการบริษัท Outsource ถือเป็นอีกทางเลือกในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมใหม่ๆ และ เพิ่มโอกาสทางธูรกิจ ที่องค์กรขนาดใหญ่ หั่นมาเลือกใช้บริการมากขึ้น เพราะนอกจากจะประหยัดต้นทุนในกระบวนการต่างๆแล้ว บริการOutsource ยังมีการออกแบบริการใหม่ๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการขององค์รได้อย่างรวกเร็ว และยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆให้เหมาะสมกับงานเฉพาะเคสได้ ช่วยให้องค์กรไม่ต้องเสียเวลาและต้นทุนในการพัฒนาบริการต่างๆเอง และหากองค์กรสามารถหาผู้ให้บริการ Outsourcing service รายใหญ่ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องได้ จะทำให้องค์รเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

ที่ปรึกษาด้านการบริหารบุคคลากร ให้บริการจัดหาด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Recruit Management พร้อมทีม Training อบรมทักษะพนักงานก่อนการเริ่มงาน เสริมด้วยเทคโนโลยี Payroll Management System เพื่อการบริหารจัดการที่ถูกต้อง แม่นยำ เพิ่มศักยภาพให้กับกระบวนการมากยิ่งขึ้น

ต้องการคำปรึกษา

จุดเด่นที่จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนเกมส์ 

1. ลดความเสี่ยงในการลงทุน  

การทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ อาจต้องการการลงทุนสำหรับทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ หรือเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงถ้าไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง. การใช้บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงนี้โดยตรง เพราะการลงทุนและความเสี่ยงจะถูกแบ่งปันกับผู้ให้บริการ Outsource. 

การเข้าถึงความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีใหม่ๆ: บริษัท Outsource มักมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านและเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดได้ง่ายกว่า ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ ด้วยความเสี่ยงที่น้อยลง เนื่องจากพวกเขามีประสบการณ์และความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีหรือวิธีการใหม่ๆ ไปใช้ให้เกิดผลสำเร็จ. 

ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดการดำเนินงาน: การทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ อาจต้องการการปรับขนาดทีมหรือทรัพยากรอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากหรือมีความเสี่ยงถ้าจัดการภายใน. บริษัท Outsource มีความสามารถในการเพิ่มหรือลดทรัพยากรตามความต้องการได้ง่าย ช่วยลดความเสี่ยงจากการมีทรัพยากรไม่เพียงพอหรือมากเกินไป. 

การทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานหลัก: การทดลองบางอย่างอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหลักขององค์กร การมอบหมายการทดลองเหล่านี้ให้กับบริษัท Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาประสิทธิภาพและความเสถียรของการดำเนินงานหลักได้ ในขณะที่ยังคงสำรวจโอกาสใหม่ๆ. 

การประเมินผลและการวัดผลลัพธ์อย่างมืออาชีพ: บริษัท Outsource มักจะมีเครื่องมือและกระบวนการในการประเมินผลและวัดผลลัพธ์ของโปรเจกต์ต่างๆ ได้อย่างมืออาชีพ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถเรียนรู้จากการทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ข้อมูลนั้นในการปรับปรุงกลยุทธ์ต่อไป. 

การใช้บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ ได้ด้วยความยืดหยุ่นและความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการจัดการทุกอย่างภายใน, ซึ่งสามารถเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสำรวจโอกาสใหม่ๆ และนำเสนอนวัตกรรมไปยังตลาด. 

2. ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัว  

ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดทีมงาน: Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มหรือลดขนาดทีมงานได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของโครงการหรือตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการจ้างงานหรือการปลดพนักงานที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและภาพลักษณ์ของบริษัท  

การเข้าถึงทักษะและความเชี่ยวชาญใหม่ๆ: บริษัท Outsource มักมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงทักษะและความรู้เฉพาะทางได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการฝึกอบรมพนักงานภายใน  

การลดความเสี่ยงและความรับผิดชอบ: การใช้บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถโอนย้ายความเสี่ยงบางส่วนไปยังผู้ให้บริการภายนอก โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการทรัพยากร ความปลอดภัยของข้อมูล และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ  

ความเร็วในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง: Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ด้วยทรัพยากรที่พร้อมใช้งานและความเชี่ยวชาญที่สามารถนำมาใช้ได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจไม่ตกเทรนด์และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว 

การจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ: การใช้บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรภายในไปยังกิจกรรมที่สร้างมูลค่าสูงสุด โดยมอบหมายงานที่ไม่ใช่หลักหรืองานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางให้กับผู้ให้บริการภายนอก  

จากที่กล่าวมา Outsource ช่วยเพิ่มความสามารถขององค์กรในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความเสี่ยง และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว. 

3. ช่วยออกในการวางแผนกลยุทธ์สำหรับองค์กรในการ้ปรับตัวกับสภาวะเศรษฐกิจ 

การเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน: ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, ความสามารถในการปรับขนาดทีมงานและทรัพยากรตามความต้องการเป็นสิ่งสำคัญ. บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนพนักงานตามความต้องการของโครงการ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน 

การควบคุมค่าใช้จ่าย: บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถแปลงค่าใช้จ่ายคงที่เป็นค่าใช้จ่ายแปรผันได้ ทำให้ง่ายต่อการควบคุมและปรับลดค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาที่รายได้อาจลดลงได้ 

การเข้าถึงความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีล่าสุด: บริษัท Outsource มักจะเชี่ยวชาญในด้านเฉพาะทางและมีการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด. การใช้บริการเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน 

การตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว: บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนในทรัพยากรหรือการฝึกอบรมพนักงานใหม่ ช่วยให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว 

การลดความเสี่ยง: การใช้บริการ Outsource ในด้านที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะหรือในโครงการที่มีความเสี่ยงสูงช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยงในการดำเนินการได้ เนื่องจากความเสี่ยงส่วนใหญ่จะถูกโอนย้ายไปยังผู้ให้บริการ Outsource 

ด้วยวิธีเหล่านี้, บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนกลยุทธ์เพื่อปรับตัวต่อสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตแม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย. 

การบริการ Outsourcing service คืออีก 1 ตัวเลือกสำคัญในการเปลี่ยนเกมส์ทางธุรกิจ ด้วยความเชี่ยวชาญ และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากทั่วโลก และพร้อมแบกรับความเสี่ยงในด้านต่างๆแทนองค์กร จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา การเลือกใช้บริการ Outsource อาจไม่ได้เป็นเพียงแค่การจ้างผู้เชียวชาญเหมือนในอดีต แต่คือการหา พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ที่พร้อมจะแบกรับความเสี่ยงและพลักดันให้ธุรกิจของคุณไปถึงเป้าหมายได้โดยสมบูรณ์แบบมากที่สุด

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"